ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่116/2564)วศ. อว. เเนะความสำคัญของการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการกับอุบัติภัยร้ายแรงที่เกิดจากสารเคมี

 

A8 5


        กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กะทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีความห่วงใยจากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้ภายในบริษัทผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ย่านถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทปราการ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 5 กรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิดและเพลิงไหม้รุนแรงสร้างความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้าง อาคาร และทรัพย์สินของโรงานและประชาชนเป็นวงกว้าง โดยมีสาร สไตรีน โมโนเมอร์ (styrene monomer) ซึ่งเป็นสารตัวทำละลายในกระบวนการผลิต ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการรั่วไหลของสารเคมี และเกิดเพลิงไหม้จนนำไปสู่การระเบิดของถังเก็บสารเคมีขนาดใหญ่ มีควันดำจากเปลวเพลิงที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุหลายสิบกิโลเมตร และยังอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัศมี 10 ตารางกิโลเมตร จากไอระเหยของสไตรีนโมโนเมอร์ ฝุ่น PM 10 ฝุ่น PM2.5 และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

A8 3 A8 4

         อุบัติภัยดังกล่าวนอกจากจะก่อให้เกิดความสูญเสียรุนแรงเฉียบพลันต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานในสถานที่เกิดเหตุ และประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงที่จะต้องใช้ชีวิตประจำวันสัมผัสต่อสารเคมีที่รั่วซึม ไอระเหยของสารเคมี และเขม่าควันของสารพิษที่ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ นับเป็นความสูญเสียอันประเมินค่าไม่ได้ การที่จะสร้างความมั่นใจอีกทางหนึ่งว่าโรงงาน สถานประกอบการ และห้องปฏิบัติการนั้นมีความปลอดภัยในการทำงาน หรือประชาชนเองสามารถอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งโรงงานได้อย่างอุ่นใจ นั่นคือการที่โรงงาน สถานประกอบการ และห้องปฏิบัติการ มีความสามารถในการปฏิบัติงาน มีการประเมินความเสี่ยงต่อสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน มีการวางแผนป้องกันและแก้ไขสิ่งที่ไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและข้อกำหนดด้านการทำงานและความปลอดภัย

 

A8 2 A8 1

        ความสำคัญของการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการ ไม่เพียงส่งเสริมสมรรถนะให้ห้องปฏิบัติการมีความสามารถตรงตามข้อกำหนดของมาตรฐานสากล (ISO/IEC 17025) เท่านั้น หากแต่ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมให้ห้องปฏิบัติการ บริษัท โรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติงานให้สอดคล้องต่อ กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อกำหนด และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชนซึ่งนับเป็นหัวใจสูงสุดของหน่วยงานรับรองระบบงาน และการกำหนดข้อกำหนดกฎเกณฑ์ มาตรฐาน และกฎหมายต่างๆ เช่น หน่วยงานที่ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้แก่ ส่วนเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาค ลงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงสถานที่เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ถนนกิ่งแก้ว 21 จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 โดยทำการสำรวจและเก็บตัวอย่างน้ำในคลองที่รองรับน้ำเสียจากที่เกิดเหตุ จำนวน 3 คลอง นอกเหนือจากที่กรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างน้ำไปแล้ว ได้แก่ คลองปากน้ำ คลองสิงห์ใหญ่ และคลองบัวลอยใหญ่ เป็นต้น

       ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยกองบริหารและรับรองห้องปฏิบัติการ มีภารกิจในการพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการ โดยการส่งเสริมสนับสนุนและดำเนินการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ด้านเคมี ฟิสิกส์ และด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มความสามารถและเพิ่มสมรรถนะห้องปฏิบัติการให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติ และนานาประเทศต่อไป

       สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารและรับรองห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้ทางเว็บไซต์ www.dss.go.th และ Facebook : กรมวิทยาศาสตร์บริการ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2201 7000 ในวันเเละเวลาราชการ

 

 

ขอบคุณภาพจาก : ข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ ,ส่วนเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี)

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อมูล : กองบริหารและรับรองห้องปฏิบัติการ (บร.)

ข่าว: พิพัฒน์ ดียอดยิ่ง กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

 

(ข่าวที่115/2564)วศ. จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการทดสอบเหล็กและเหล็กกล้า

 

A7 1 A7 4

A7 3 A7 2

        กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) โดยกลุ่มทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ กองความสามารถห้องปฏิบัติการและรับรองผลิตภัณฑ์ (ชน.สผ.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ ดำเนินกิจกรรมทดสอบความชำนาญ (proficiency testing, PT) ห้องปฏิบัติการ ทดสอบเหล็กและเหล็กกล้า ประจำปี 2564 รายการ Carbon, Chromium, Copper, Manganese, Nickel, Phosphorus, Sulphur and Silicon in Carbon and Low Alloy Steel ได้เริ่มจัดส่งตัวอย่างวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ให้แก่ ห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 23 ห้องปฏิบัติการ โดยห้องปฏิบัติการต้องทดสอบตรวจวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณของธาตุ Carbon, Chromium, Copper, Manganese, Nickel, Phosphorus, Sulphur and Silicon ที่อยู่ภายในตัวอย่างโลหะที่ทางผู้จัดเตรียมสำหรับการทดสอบ และส่งผลกลับมายังกลุ่มทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ภายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เพื่อประเมินผลทางสถิติเปรียบเทียบผลการวัดระหว่างห้องปฏิบัติการ
       การวัดหาตรวจวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณของธาตุของโลหะ โดยวิธี spark emission spectrometer จะใช้สำหรับการวิเคราะห์ทดสอบหาปริมาณของธาตุผสมในตัวอย่างโลหะโดยการวัดความเข้มของแสงที่เกิดจากการคายพลังงานจากอะตอมของธาตุที่อยู่ในสภาวะถูกกระตุ้นด้วยพลังงานไฟฟ้าเปรียบเทียบกับชุดกราฟมาตรฐานของวัสดุอ้างอิงรับรองหรือวัสดุอ้างอิง (CRM/RM) โดยในกิจกรรมนี้จะใช้ตัวอย่างโลหะต่างชนิดกัน 2 ตัวอย่าง และกำหนดให้ใช้เครื่องมือ spark emission spectrometer เพื่อหาปริมาณธาตุ 8 ธาตุ ได้แก่ Carbon (C), Chromium (Cr), Copper (Cu), Manganese (Mn), Nickel (Ni), Phosphorus (P), Sulphur (S) และ Silicon (Si) ในการทดสอบการตรวจวิเคราะห์หาชนิดและปริมาณของธาตุของโลหะ มีประโยชน์มากมายในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆมากมาย เช่น อุตสาหรรมด้านเหล็กและเหล็กกล้า อุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมด้านเคมี ฯลฯ
      วัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและสร้างความมั่นใจในคุณภาพทางเคมีของเหล็กด้วยกิจกรรมทดสอบความชำนาญ ให้แก่ห้องปฏิบัติการทดสอบในอุตสาหรรมเหล็กและเหล็กกล้า มุ่งเน้นประโยชน์ของการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ
- ทำให้มั่นใจในผลการทดสอบว่ามีความแม่นยำ ถูกต้อง
- ยืนยันสมรรถนะและความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบ เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของห้องปฏิบัติการและยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
- ชี้บ่งปัญหาภายในห้องปฏิบัติการ นำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาความสามารถของห้องปฏิบัติการ เช่น ปัญหาจากกระบวนการวัดหรือทดสอบ การใช้เครื่องมือ หรือความสามารถของบุคลากร เป็นต้น
- เป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการในการจัดการความเสี่ยง และเป็นเครื่องมือสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและบริหารความเสี่ยงของห้องปฏิบัติการ
- ใช้ประกอบการยื่นขอการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

(ข่าวที่114/2564)กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. MOU สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ยกระดับ SMEs ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

 

A6 3 A6 1

A6 4 A6 2

          วันจันทร์ที่ 5 กรกฏาคม 2564 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์บริการ กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมี นางสาวนีระนารถ แจ้งทอง รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยเป็นผู้แทนลงนาม ภายในงานได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานกล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการฯและโฆษกให้เกียรติเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามครั้งนี้ด้วย วัตถุประสงค์ในการลงนามครั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนงานบริการทางวิทยาศาสตร์ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในพื้นที่ภูมิภาคทั่วประเทศและชุมชนท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

           ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า หนึ่งในนโยบายที่ให้ความสำคัญคือการทำให้ภาพกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นกระทรวงแห่งการพัฒนา สร้างโอกาสให้กับประเทศชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม จากการศึกษาวิจัยที่ชัดเจน รวดเร็ว เป็น Transformative Demand Pull สามารถทำงานจริงจากความต้องการของประเทศและภาคธุรกิจ หากจะกล่าวถึงภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ประกอบไปด้วยวิสาหกิจขนาดใหญ่ และ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ ที่เรียกกันในนามผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละกว่า 99.8 (ข้อมูลจากปี 2563) ของจำนวนวิสาหกิจทั้งประเทศ โดยจะเห็นได้ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีความสำคัญต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ในฐานะหน่วยงานภาครัฐจึงเห็นควรพัฒนาศักยภาพ SMEs ของไทยเพื่อให้มีแต้มต่อในการดำเนินธุรกิจโดยการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการส่งเสริมและตอบโจทย์ความต้องการของภาค SMEs อย่างแท้จริง

        นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จะเป็นต้นแบบในการนำงานบริการวิทยาศาสตร์และวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมตามที่ตกลงร่วมกัน มาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อผู้ประกอบการในการพัฒนาระบบคุณภาพกระบวนการผลิตสินค้า และยังเป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าของผู้ประกอบการให้มีคุณภาพตามมาตรฐานกำหนดไว้ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระดับสากล

         นางสาวนีระนารถ แจ้งทอง รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่าความร่วมมือฯครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย โดยการนำงานบริการและวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม มาพัฒนากระบวนการผลิตและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่างๆของผู้ประกอบการให้เป็นที่ยอมรับ ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยใช้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการกำหนดแผนงานและโครงการร่วมกันทั้งในระดับพื้นที่และภูมิภาค สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ รวมถึงการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้มีความกระชับและคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันอุดมศึกษา และวิทยาลัยชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการช่วยขับเคลื่อน SMEs ที่เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ

       ทั้งนี้ วศ. เป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความพร้อมในการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภายในประเทศ ตลอดจนมีการให้บริการตรวจสอบและรับรองทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมตามมาตรฐานสากล และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน สามารถเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพสินค้าของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข่าว : จิตลดา คณีกุล /พิพัฒน์ ดียอดยิ่ง  ภาพ : เอกพจน์ เกลี้ยงงาม

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

(ข่าวที่113/2564)วศ.จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการทดสอบสาขาฟิสิกส์: รายการ Dimensions (Thickness, Width and Length)

 

 

A5 4 A5 3

A5 2 A5 1

       กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดย กลุ่มทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ กองความสามารถห้องปฏิบัติการและรับรองผลิตภัณฑ์ (ชน.สผ.) ดำเนินกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ (proficiency testing, PT) ประจำปี 2564 สาขาฟิสิกส์: รายการ Dimensions (Thickness, Width and Length), Force at break, Tensile strength at break, Elongation at break and Watertightness of Medical glove ร่วมกับกลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง กองวัสดุวิศวกรรม เพื่อทดสอบความสามารถของห้องปฏิบัติการและประกันคุณภาพการผลการทดสอบคุณสมบัติของถุงมือยางทางการแพทย์ของห้องปฏิบัติการทดสอบด้านยางของประเทศทั้งในภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานวิจัยต่างๆ โดยในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 วศ.ได้จัดส่งตัวอย่างถุงมือยางทางการแพทย์สำหรับทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพ โดยมีห้องปฏิบัติการที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 14 ห้องปฏิบัติการ เริ่มดำเนินการทดสอบ และส่งผลกลับมายังศูนย์บริหารจัดการทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ ภายในวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เพื่อประเมินผลทางสถิติเปรียบเทียบผลการวัดระหว่างห้องปฏิบัติการ
        ถุงมือที่ดีมีคุณภาพ ควรมีความยืดหยุ่นสูง เหนียว ไม่ฉีกขาดง่ายและไม่รั่วซึม ถุงมือยางที่ใช้ทางการแพทย์(Medical glove) มี 2 ประเภทคือถุงมือผ่าตัด (Surgical glove) และ ถุงมือตรวจโรค (Examination glove) ถุงมือผ่าตัดเป็นถุงมือปลอดเชื้อ มีลักษณะบางแข็งแรง ยาวถึงข้อศอกและผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อด้วยรังสีแกรมม่า ส่วนถุงมือตรวจโรค ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ มีลักษณะบาง สั่นแค่ข้อมือ ไม่มีซ้ายขวา สวมใส่ง่าย ราคาถูกกว่าถุงมือผ่าตัด
กิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ สุ่มตัวอย่างเป็นถุงมือยางทางการแพทย์ชนิดผ่าตัด (Surgical glove) ที่มีการขายทั่วไปในท้องตลาด ที่มีวันผลิตเดียวกัน ล็อตการผลิตเดียวกัน เพื่อใช้ในการควบคุมคุณภาพและการเปรียบเทียบผลการทดสอบคุณสมบัติทางกายภาพของถุงมือยางทางการแพทย์ กำหนดให้ทดสอบคุณสมบัติ 3 หัวข้อใหญ่ๆ คือ
1) ทดสอบขนาดของถุงมือยางทางการแพทย์ (Dimensions) โดยจะวัดความหนา ความกว้าง และความยาวของถุงมือทางการแพทย์ตาม ISO10282 : 2014
2) ทดสอบคุณสมบัติด้านแรงดึง (Tensile properties) โดยตัดถุงมือยางทางการแพทย์เป็นรูปทรง dumb-bell (type 2) ตามเอกสารมาตรฐานอ้างอิง ISO 37 และทำการทดสอบ ดังนี้
- ค่าความต้านแรงดึง ณ จุดขาด (force at break)
- ค่าความทนต่อแรงดึง ณ จุดขาด (tensile strength at break) เป็นการวัดแรงดึงสูงสุดที่ใช้ดึงยืดวัสดุจนขาดหารด้วยพื้นที่หน้าตัดของวัสดุนั้น
- ค่าการยืดตัว ณ จุดขาด (elongation at break) เป็นการวัดระยะสูงสุดที่วัสดุสามารถยืดยาวได้จนถึงจุดที่ชิ้นทดสอบขาดจากกันเทียบกับระยะเริ่มต้น (gauge length)
3) ทดสอบรอยรั่วของถุงมือยางทางแพทย์ เพื่อหารอยรั่วของถุงมือที่เกิดกำหนดโดยผู้จัดกิจกรรมฯ ให้เป็นไปตามกำหนดมาตรฐาน มอก. ซึ่งอาจมีสาเหตุได้หลายประการที่ทำให้คุณภาพของถุงมือไม่ได้มาตรฐาน อันเนื่องมาจาก อายุของถุงมือที่เก็บไว้นาน การเก็บรักษาไม่เหมาะสม หรือจากการผลิตไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น
         ประโยชน์ของการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ
- เพื่อยืนยันสมรรถนะและความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบถุงมือยางทางการแพทย์ เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของห้องปฏิบัติการและยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
- ชี้บ่งปัญหาภายในห้องปฏิบัติการ นำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาความสามารถของห้องปฏิบัติการ เช่น ปัญหาจากกระบวนการวัดหรือทดสอบ การใช้เครื่องมือ หรือความสามารถของบุคลากร เป็นต้น
- ทำให้มั่นใจในผลการทดสอบว่ามีความแม่นยำ ถูกต้อง
- เป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการในการจัดการความเสี่ยง และเป็นเครื่องมือสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและบริหารความเสี่ยงของห้องปฏิบัติการ
- ใช้ประกอบการยื่นขอการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

 

(ข่าวที่112/2564)DSSPO Talk Series 2 : วศ. เปิดเวทีแลกเปลี่ยน การทำงานในองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีพลวัตรสูง

A4 1 A4 2

A4 3 A4 4

            วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เป็นประธานเปิดเวทีสนทนา DSSPO Talk Series ครั้งที่ 2 ประเด็น “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ทำงานในองค์กรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีพลวัตรสูง” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ทรงพล มั่นคงสุจริต คณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นวิทยากร ร่วมเสวนาผ่านระบบ Zoom และ Facebook live ณ. ห้องประชุม อัครเมธี ชั้น 6 อาคาร ดร.ตั้ว ลพานุกรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ

           วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพื่อให้บุคลากรของ วศ. มีความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปรับบทบาทและหน้าที่สู่องค์การมหาชนจากผู้มีประสบการณ์การทำงานโดยตรง รวมทั้งการบริหารจัดการบุคลากร การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี มีวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกัน และกระตุ้นให้บุคลากรของหน่วยงานสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลิตผลให้แก่หน่วยงานขณะเดียวกันก็ยังคงมีความสุขกับการทำงาน และมีส่วนร่วมสร้างเปลี่ยนแปลง และปรับบทบาทไปสู่การดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตต่อไป

         ทั้งนี้ DSSPO Talk Series กำหนดจัดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564 เพื่อให้ทุกคนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารไปพร้อมกันอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงพร้อมรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์บริการ (องค์การมหาชน) ในอนาคต สามารถติดตามข้อมูลย้อนหลังได้ที่ Facebook live กลุ่ม DSSNEWS พร้อมข่าวสารการจัดกิจกรรม DSSPO Talk Series ได้ต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข่าว /ภาพ : พิพัฒน์ ดียอดยิ่ง

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

  1. (ข่าวที่111/2564)DSSPO Talk Series 1 : วศ. เปิดเวทีสร้างความเข้าใจ การดำเนินงานจัดตั้งองค์การมหาชน
  2. (ข่าวที่110/2564)วศ.อว. ลงนามสัญญาร่วมกับเอกชน ถ่ายทอดเทคโนโลยีแปรรูปอาหาร มุ่งยกระดับผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์
  3. (ข่าวที่109/2564)วศ.จัดเวทีสนทนา เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ “องค์กรนวัตกรรม (Innovation Organization)”
  4. (ข่าวที่108/2564)วศ. ทดสอบชิมเครื่องดื่มเพื่อการผ่อนคลาย และทดลองใช้สเปร์ยแป้งเย็น สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
  5. (ข่าวที่107/2564)วศ. พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบด้านคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร การวัดค่า Moisture, Protein and Ash in Rice powder
  6. (ข่าวที่106/2564)วศ.อว. มอบหุ่นยนต์ “ปิ่นโต 2” ให้กับ รพ.สนาม จ.สมุทรปราการ ลดความเสี่ยงระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ติดเชื้อโควิด-19
  7. (ข่าวที่105/2564)อธิบดีกรมวิทย์ฯบริการ ตรวจเยี่ยมหน่วยฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ มจธ.
  8. (ข่าวที่104/2563)วศ.อว.โชว์ผลงาน Eco Friendly Products จากกัญชง พืชเศรษฐกิจใหม่ ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์อาเซียนครั้งที่ 11
  9. (ช่าวที่103/2564)“ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่” กฎหมายและ พรบ. ที่บุคลากร วศ.อว. ควรรู้
  10. (ข่าวที่102/2564)วศ.อว. มอบหุ่นยนต์ “ปิ่นโต 2” ให้กับ 3 หน่วยงานของกรมราชทัณฑ์ ลดความเสี่ยงระหว่างบุคลากรทางการแพทย์กับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19