ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่35/2564)วศ. แนะคนไทยบริโภค “ถั่งเช่า” อย่างไรให้ปลอดภัย พร้อมให้บริการทดสอบหาเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคและโลหะหนัก

 C6 1 C6 3

C6 4 C6 2

 

        วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เปิดเผยเกี่ยวกับเทรนด์คนรักสุขภาพในปัจจุบัน โดยเฉพาะความนิยมการรับประทาน “ถั่งเช่า” ซึ่งเชื่อกันว่ามีคุณประโยชน์สำคัญในการมีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ฤทธิ์ปกป้องไต ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ แต่การศึกษาสรรพคุณและความปลอดภัยด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นระบบยังพบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเพียงกรณีศึกษาเท่านั้น ซึ่งนอกจากถั่งเช่าจะมีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแล้วยังมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะโลหะหนัก เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ซึ่งโลหะหนักดังกล่าวในถั่งเช่าสายพันธุ์ธรรมชาติมาจากดิน แหล่งน้ำ และกากตะกอนของเสียที่ปลดปล่อยจากการเกษตรหรืออุตสาหกรรมต่างๆ

        กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีข้อแนะนำให้ประชาชนในการเลือกซื้อถั่งเช่าที่สามารถตรวจสอบในฉลากผลิตภัณฑ์ว่าเป็นถั่งเช่าสายพันธุ์ชนิดใด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้ใช้ถั่งเช่าสีทองสายพันธุ์ Cordyceps militaris ในรูปแบบอบแห้งหรือบดผง เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิทได้ ปริมาณไม่เกิน 230 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีข้อกำหนดสารปนเปื้อนคือ สารหนู ไม่เกิน 2 mg/kg. ตะกั่ว ไม่เกิน 1 mg/kg. ปรอท ไม่เกิน 0.5 mg/kg. และเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคคือ Escherichia coli น้อยกว่า 3.0 MPN/g. ต้องไม่พบ Salmonella spp. ในอาหาร 25 กรัม และไม่พบ Staphylococcus aureus ในอาหาร 0.1 กรัม ทั้งนี้ ต้องมีปริมาณสารสำคัญ คอร์ไดเซปิน (Cordycepin) ไม่เกิน 0.3 มิลลิกรัมต่อกรัม และอะดีโนซีน (Adenosine) ไม่เกิน 1.7 มิลลิกรัมต่อกรัม และยังไม่สามารถแสดงการกล่าวอ้างทางสุขภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีถั่งเช่าสีทอง (C.militaris) เป็นส่วนประกอบได้ จนกว่าจะได้รับการพิจารณาอนุญาตจาก อย. ตามคู่มือประชาชน เรื่อง การประเมินการกล่าวอ้างทางสุขภาพ

          ดังนั้น การรับประทานถั่งเช่าควรทำตามข้อแนะนำที่ระบุในผลิตภัณฑ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการรับประทานถั่งเช่าในปริมาณที่มากเกินไปหรือเป็นระยะเวลานานอาจจะได้รับจุลินทรีย์ก่อโรคหรือโลหะหนักในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์และก่อนที่ซื้อควรตรวจสอบการได้รับใบอนุญาตจากอย.ได้ที่เว็บไซต์ที่ http://porta.fda.moph.go.th/.../MAIN/SEARCH_CENTER_MAIN.aspx ผู้ที่ต้องการทดสอบหาเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคและปริมาณโลหะหนักของผลิตภัณฑ์ถั่งเช่า สามารถส่งทดสอบได้ที่ กองผลิตภัณฑ์อาหารและวัสดุสัมผัสอาหาร กรมวิทยาศาสตร์บริการ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

(ข่าวที่34/2564)วศ. ให้บริการทดสอบสารฆ่าเชื้อและผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์กว่า 800 ตัวอย่าง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้นปี 2563 – มกราคม 2564

C5 2

        นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เปิดเผยว่าจากการสถานการณ์ วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์สารฆ่าเชื้อในปริมาณที่สูงและเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการเร่งการผลิตและจัดเตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน โดยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่ผู้ประกอบการส่งมาทดสอบนั้น มีทั้งชนิดที่ผลิตใช้เองภายในประเทศและชนิดที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยแต่ละชนิดจะมีจุดประสงค์ในการฆ่าเชื้อที่แตกต่างกัน ทำให้ต้องมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อให้เหมาะสมกับชนิดและถูกวิธีในการใช้งาน ส่วนผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้เพื่อทำความสะอาด และลดจำนวนเชื้อโรคให้อยู่ระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ไม่สามารถทำให้ปราศจากเชื้อโรคหรือไม่มีเชื้อโรคได้

C5 3 C5 1


        ทั้งนี้ ในรอบ 1 ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ถึง มกราคม 2564 ช่วงการระบาดของไวรัส โควิด-19 วศ. โดยกองเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อุปโภค ซึ่งมีความสามารถเชี่ยวชาญในการทดสอบหาปริมาณสารออกฤทธิ์ ได้ให้บริการทดสอบผลิตภัณฑ์สารฆ่าเชื้อและผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ กว่า 825 ตัวอย่าง แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสำหรับทำความสะอาดมือ ได้แก่ เจลแอลกอฮอล์ และสเปร์ยแอลกอฮอล์ รวม 173 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 154 ตัวอย่าง นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับพื้นผิวและวัสดุ จำนวน 618 ตัวอย่าง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มสารลดแรงตึงผิวประจุบวก (Benzalkonium chloride, Quaternary ammonium compound) กลุ่ม Oxidizing agents กลุ่ม Halogens และกลุ่ม Aldehydes ผลการทดสอบพบว่าผ่านเกณฑ์ตามที่ระบุในใบคำร้อง 447 ตัวอย่าง โดยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะส่งเข้ามาทดสอบมากที่สุดในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2563

C5 4 C5 5


        พร้อมกันนี้ วศ. มีข้อแนะนำเกี่ยวกับสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่แบ่งเป็นกลุ่มตามโครงสร้างทางเคมี ดังนี้
        1 กลุ่ม Alcohols ที่นิยมใช้มากมี 2 ชนิด คือ Ethanol และ Isopropanol
        2 กลุ่ม Aldehydes ที่ใช้ในปัจจุบัน คือ Formaldehyde และ Glutaraldehyde
        3 กลุ่ม Oxidizing agents กลุ่มนี้ที่นิยมใช้ทั่วไป เช่น Hydrogen peroxide Phenols Cresols
        4 กลุ่ม Halogens ที่ใช้กันมาก คือ คลอรีน
       5 กลุ่ม Iodophores ที่รู้จักกันดี คือ Povidone-Iodine ซึ่งประกอบด้วย Iodine กับ Polyvinylpyrolidine ซึ่งเมื่อ ละลายน้ำจะปล่อย ไอโอดีนอิสระ ออกมาอย่างช้าๆ
        6 กลุ่ม Surface active agents


       วศ. โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคมี กองเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อุปโภค ได้พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับผลทดสอบที่มีความน่าเชื่อถือและนำผลทดสอบไปใช้ยื่นเพื่อขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมปศุสัตว์ หรือนำไปใช้เป็นข้อแนะนำในฉลากผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคในการคำนวณหาปริมาณการใช้ วิธีการใช้ ความถี่ในการใช้ ตลอดจนวิธีการกำจัด วิธีการป้องกันการตกค้างและการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคที่จะได้ใช้สารเคมีที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเคมี กองเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อุปโภค กรมวิทยาศาสตร์บริการ โทร.02-2017000 ในวันและเวลาราชการ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

(ข่าวที่32/2564)วศ.จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สาขาสอบเทียบ รวม 117 ห้องปฏิบัติการ

 

C4 1 C4 3

C4 4 C4 2

        วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กองความสามารถห้องปฏิบัติการและรับรองผลิตภัณฑ์ กลุ่มทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ 2 ได้ดำเนินการเวียนเครื่องมือกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการสาขาสอบเทียบจำนวน 4 รายการ คือ Calibration of Caliper (Digital), Calibration of Micrometer (Digital), Calibration of Dial Gauge (Digital) และ Calibration of Thickness Gauge (Digital) ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีกำหนดการสิ้นสุดการดำเนินการเวียนเครื่องมือเดือนกรกฎาคม 2564 โดยกิจกรรมดังกล่าวมีห้องปฎิบัติการจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม จำนวนทั้งสิ้น 117 ห้องปฏิบัติการ ซึ่งห้องปฏิบัติการที่เข้าร่วมต้องส่งเจ้าหน้าที่มารับวัตถุตัวอย่าง ณ ชั้น 1 อาคารปฏิบัติการเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ตามวันเวลาที่ได้รับการนัดหมาย
        การจัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญฯ ในสาขาสอบเทียบรายการดังกล่าวข้างต้น ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการสอบเทียบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องแก่เครื่องมือวัด ในการให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัดด้านความยาวและมิติ ที่มีใช้ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก การแพทย์ วัสดุนวัตกรรม และการวิจัยต่างๆ ดังนั้น ห้องปฏิบัติการสอบเทียบด้านความยาวและมิติ จึงจำเป็นต้องเข้าร่วมเพื่อเป็นการประกันคุณภาพของผลการทดสอบและสอบเทียบ สำหรับการยืนยันสมรรถนะและความสามารถของห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องและสนับสนุนระบบ NQI ของประเทศ เป็นการสร้างหลักประกันทางคุณภาพให้แก่ผลิตภัณฑ์/ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน ช่วยลดการกีดกันทางการค้าทั้งในระดับประเทศและระดับสากล
        กรมวิทยาศาสตร์บริการ มุ่งให้เกิดประโยชน์ของการเข้าร่วมฯ เพื่อสามารถยืนยันสมรรถนะและความสามารถของห้องปฏิบัติการสอบเทียบได้ เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของห้องปฏิบัติการและยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และเอื้ออำนวยต่อห้องปฏิบัติการในการจัดการความเสี่ยง และเป็นเครื่องมือสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและบริหารความเสี่ยงของห้องปฏิบัติการได้ต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

(ข่าวที่31/2564)อย. ประกาศให้ วศ. เป็นหน่วยตรวจสอบหรือตรวจวิเคราะห์เสื้อกาวน์ทางการแพทย์ ชุดคลุมและผ้าสำหรับชุดปฏิบัติทางการแพทย์ มีผลบังคับใช้ 3 ปี

 C3

        นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เปิดเผยว่าในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมามีความต้องการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สูงมาก โดยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ต้องคำนึงถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ มาตรฐาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และเพียงพอต่อการใช้งานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งประเทศ การกำหนดมาตรฐานจึงสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ รวมทั้งลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้

 C2 5

        การดำเนินการที่สำคัญ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศ เรื่อง บัญชีองค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบหรือวิเคราะห์เครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2564 โดยกำหนดให้กองวัสดุวิศวกรรม วศ. ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ตามรายการและวิธีทดสอบ ได้แก่ เสื้อกาวน์ทางการแพทย์ ชุดคลุมปฏิบัติการทางการแพทย์ และผ้าสำหรับเสื้อกาวน์และชุดคลุมปฏิบัติการทางการแพทย์ โดยมีรายการทดสอบความต้านน้ำซึมโดยใช้เครื่องทดสอบแบบความดันน้ำสถิต และใช้วิธีทดสอบแบบ AATCC 127:2017(2018)e (option 2) ตามมาตรฐาน ANSI/AAMI PB 70:2012 ซึ่งประกาศมีผลใช้บังคับ 3 ปี นับแต่วันที่ประกาศนี้มีผลบังคับใช้เป็นต้นไป

C3 2 C3 1


       นพ.ปฐมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามประกาศ อย. ฉบับนี้ จะทำให้ วศ. ซึ่งเป็นหน่วยเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ทดสอบ มีศักยภาพในการทดสอบคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศไทย ผู้สนใจบริการวิเคราะห์ทดสอบ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กองวัสดุวิศวกรรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โทร.02-2017000 ในวันและเวลาราชการ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

 

(ข่าวที่30/2564)อว. โดย วศ.เชิญชวนไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลตรุษจีน แบบ New Normal

 

C2

        กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยต่อชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นการเฉลิมฉลองจะต้องมีการไหว้เจ้าและบรรพบุรุษที่เคารพนับถือ สิ่งของที่ขาดไม่ได้ในพิธีกรรมต่างๆ คือ ธูป กระดาษเงิน และกระดาษทอง ที่ทำให้เกิดควันที่มีสารมลพิษ สารก่อมะเร็ง และไอระเหยโลหะหนัก ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เมื่อสูดหายใจเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งทำให้ปวดศีรษะได้ โดยความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละบุคคล ปริมาณและระยะเวลาที่ได้รับสัมผัสเป็นต้น


          กรมวิทยาศาสตร์บริการ มีข้อแนะนำในการจุดธูปหรือเผากระดาษเงินกระดาษทอง แบบ New Normal ที่ควรปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันอันตรายดังนี้
1.สวมหน้ากากอนามัยขณะจุดธูปไหว้ และเผากระดาษเงินกระดาษทอง
2.เลือกธูปขนาดสั้นที่มีเนื้อธูปน้อยๆ เพื่อให้เกิดควันในระยะเวลาที่สั้นกว่าธูปขนาดยาว
3.หลีกเลี่ยงการจุดธูปในบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเทหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก เมื่อเสร็จพิธีการควรดับธูปด้วยน้ำหรือทราย และเก็บธูปให้เร็วขึ้น
4.เผากระดาษเงินกระดาษทองนอกอาคารที่พักอาศัย โดยขณะเผาควรยืนอยู่เหนือลม
5.เผากระดาษเงินกระดาษทองทีละน้อยเพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเขม่าเถ้ากระดาษ และไม่ควรเผาขณะที่มีเด็กหรือผู้คนเดินผ่านไปมา
6.ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสก้านธูป ควันธูป และกระดาษเงินกระดาษทอง


        วศ.โดย กองเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อุปโภค กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ ให้บริการทดสอบโลหะหนักในธูป 10 ตัวอย่าง พบว่ามีเพียงตัวอย่างเดียวที่มีปริมาณสารหนูเกินเกณฑ์กำหนด ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตธูปคือ ขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมที่สกัดจากส่วนของพืช เรซิน และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม พอกอยู่บนก้านไม้ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหรรมจึงได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมธูป (มอก. 2345-2550) เพื่อส่งเสริมให้การผลิตธูปมีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้ใช้ เกี่ยวกับสารเป็นพิษว่า ต้องไม่มีปริมาณโลหะหนัก ตะกั่ว แคดเมียม โครเมียม สารหนู และปรอทเกินเกณฑ์ที่กำหนด โดยเกณฑ์กำหนดของโลหะหนักคือ 20, 10, 20, 2 และ 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ


           สำหรับการทดสอบโลหะหนักในกระดาษเงินกระดาษทอง พบว่ามีปริมาณโลหะ ตะกั่วเล็กน้อย เรื่องสารเป็นพิษที่เกิดจากการเผากระดาษเงินและกระดาษทอง เป็นเรื่องที่นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ และคณะได้ศึกษาวิจัยไว้ พบว่ามีสารพาร์ (Polycyclic aromatic hydrocarbons, PAHs) เบนซีน และ 1,3-บิวทาไดอีน และไอระเหยของตะกั่วด้วย นอกจากนี้ยังพบโลหะหนัก 4 ชนิดคือ โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว และแมงกานีส ในขี้เถ้าธูปและขี้เถ้าจากการเผากระดาษเงินและกระดาษทอง ซึ่งมีปริมาณมากกว่าในฝุ่นละอองในอากาศประมาณ 3-60 เท่า โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกระดาษเงินกระดาษทองคือ เยื่อไม้หรือเยื่อไม้ไผ่ ผสมกับสารเติมแต่งต่างๆ มีทั้งฉาบด้วยตะกั่ว ทาสีคล้ายตะกั่ว และพิมพ์ระบบออฟเซ็ต ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระดาษเงินและกระดาษทอง


            ด้วยความห่วงใยจากกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในสถานะการณ์ปัจจุบันให้รักษาระยะห่างตามมาตรการ รักษาสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครัว และร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลบริการทดสอบ เพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ กองเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์อุปโภค โทร 02-201 7348 ในวันและเวลาราชการ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝ่ายประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2210 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctorD/

  1. (ข่าวที่29/2564)อว.วศ. ห่วงใยคนกรุงฯ เก็บน้ำประปาตรวจพิสูจน์พบเกินมาตรฐานแนะวิธีกำจัดความเค็มเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน
  2. (ข่าวที่28/2564)วศ.พัฒนาคุณภาพแลปทดสอบคุณค่าทางโภชนะของอาหารสัตว์ ตามมาตรฐานสากล รวม 55 ห้องปฏิบัติกา
  3. (ข่าวที่27/2564)วศ.​ จับมือ สทน.​ ขยายขอบข่ายความมือด้านการวิจัยและพัฒนาตอบโจทย์ความต้องการขอประเทศ
  4. (ข่าวที่26/2564)วศ.เปิดแลปทดสอบการระบายอากาศของพัดลม ต้อนรับการดูงานของผู้แทน บ.ฮาตาริ
  5. (ข่าวที่25/2564)วศ.ร่วมส่งมอบนวัตกรรม PAPR ฝีมือคนไทย แก่กระทรวงสาธารณสุขก่อนกระจายสู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ
  6. (ข่าวที่24/2564)วศ.จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สาขาสอบเทียบ รายการ Calibration of Electronic Balance (Round 1)
  7. (ข่าวที่23/2564)วศ. จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการสาขาสอบเทียบรายการ Calibration of Gauge Block
  8. (ข่าวที่22/2564)วศ.เตรียมขับเคลื่อนองค์กร สู่ทศวรรษที่ 14 เล็งปรับแนวทางการทำงานในรูปแบบ Agile Team เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  9. (ข่าวที่21/2564)อว. โดย วศ. ส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ให้กับสำนักงานเขตพระนคร บริการประชาชาชนในพื้นที่
  10. (ข่าวที่20/2564)วศ.จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดออกแบบโลโก้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 130 ปี