วันที่ 23 มิถุนายน 2565 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย นายก่อพงศ์ หงษ์ศรี หัวหน้ากลุ่มเส้นใยธรรมชาติ กองวัสดุวิศวกรรม พร้อม ทีมนักวิทยาศาสตร์ ลงพื้นที่ ณ บริษัทดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกในด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบด้านเยื่อและกระดาษตามมาตรฐาน การจัดทำการเปรียบเทียบผลการทดสอบระหว่างห้องปฏิบัติการ (Inter-laboratory Comparison) พร้อมทั้งปรับตั้งและสอบเทียบเครื่องมือทดสอบด้านเยื่อและกระดาษให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
    ​นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความร่วมมือในการพัฒนาต่อยอดด้านงานวิจัยและการวิเคราะห์ทดสอบที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคต เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมเยื่อ กระดาษ และบรรจุภัณฑ์ โดยมีปัจจัยมาจากการขยายตัวของบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อาทิ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปเพื่อการส่งออก บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าเพื่อสุขอนามัย รวมถึงการเติบโตของภาคการส่งออกจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อภาพรวมการใช้กระดาษและบรรจุภัณฑ์

      วันที่ 23 -24 มิถุนายน 2565 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ดร.ธนิษฐา ภูลวรรณ และดร.กฤตยานันท์ พลเขตต์ กองพัฒนาธุรกิจวิทยาศาสตร์บริการ ร่วมกับ ดร.อนุตตรา นวมถนอม หัวหน้ากลุ่มพัฒนาศักยภาพหน่วยตรวจสอบและรับรอง และ ดร.ศันศนีย์ บุญสาลี กองพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการ ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมประชุมเชิงปฏิบัติการ “บทบาททางการทูตกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” (Diplomacy and International Partnership on Higher Education, Science, Research and Innovation) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ประกอบไปด้วย ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม,คณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวง อว., เอกอัครราชทูตฯ อิหร่าน เอกอัครราชทูตฯ ศรีลังกา ประจำประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ อาทิ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศแคนาดา ประเทศญี่ปุ่น ประเทศแคนาดา ประเทศมาเลเซีย และผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตรกว่า 120 คน
    โดย ดร.ธนิษฐา ภูลวรรณ ได้เป็นผู้แทน วศ. นำเสนอบทบาทและภารกิจของ วศ. อว. ในการเป็นองค์กรหลักด้านระบบคุณภาพและโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศด้วยบริการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และนำเสนอผลงานนวัตกรรม Connected and Autonomous Vehicle (CAV) Proving Ground สนามทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ เพื่อการประชาสัมพันธ์ภารกิจของ วศ. ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานในสังกัด อว. ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาด้าน อววน. และนโยบายการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือด้าน อววน. ในระดับนานาชาติจากผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำในประเทศไทย ในการเข้าถึงองค์ความรู้ใหม่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาในสาขาต่าง ๆ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านความร่วมมือระดับประเทศกับเจ้าหน้าที่ทางการทูตจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ประจำประเทศไทย

      วันที่ 23 มิถุนายน 2565 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ร่วมจัดแสดงผลงานนวัตกรรม Connected and Autonomous Vehicle (CAV) Proving Ground สนามทดสอบยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ ภายในงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2022 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022: SITE 2022) โดยมี รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บรรยายพิเศษเรื่อง “Re-Imagination Mega-City : Bangkok towards City of Innvation” และเยี่ยมชมนิทรรศการ พร้อมให้กำลังใจนักวิจัยที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยเอาคนเป็นตัวตั้ง เพื่อสร้างนวัตกรรมง่ายๆ ที่สามารถเปลี่ยนเมืองได้ในพริบตา ณ อาคารอุทยานนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
     การดำเนินงานที่สำคัญ วศ. ใช้ประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายแห่งอนาคต (Future mobility) มีแผนการให้บริการวิจัยและพัฒนาร่วมกับหน่วยวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนการกำหนดนโยบายและส่วนการบังคับใช้กฎหมาย โดยเน้นการออกแบบวิธีทดสอบสมรรถนะการขับขี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (Connected and Autonomous Vehicle: CAV) เช่น การทดสอบการรับส่งข้อมูลสำหรับการขับขี่ผ่านระบบสื่อสารและโทรคมนาคมแบบ WIFI, 4G LTE, 5G การทดสอบตามข้อกำหนด ADAS EURO NCAP การทดสอบการขับขี่แบบอัตโนมัติแบบเชื่อมโยงกับรถคันอื่น การขับขี่แบบอัตโนมัติแบบเป็นกลุ่มก้อน (Platooning) ดังนั้น โครงการสร้างสนามทดสอบ CAV Proving ground ณ EECi วังจันทร์วัลเลย์ จะเป็นส่วนหนึ่งของ Roadmap ใหญ่ของประเทศ ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ โดยเน้นการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
    ทั้งนี้ภายในงาน SITE 2022 จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นเวทีที่รวบรวมสตาร์ทอัพและนวัตกรรมชั้นนำของเมืองไทยและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ไฮไลท์สำคัญโดย ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเปิดงานรูปแบบ (Avatar) บนโลกเมตาเวิร์ส แพลตฟอร์มสำคัญในการผลักดันนโยบายการตลาดเชิงวัฒนธรรม หรือ Soft Power ของประเทศไทย ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าชมผลงานที่จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด และทางออนไลน์รูปแบบจักรวาลนฤมิตร (Metaverse) ระหว่างวันที่ 23 -25 มิถุนายน 2565 ผ่านเว็บไซต์ https://site.nia.or.th

       วันที่ 22 มิถุนายน 2565 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) โดยนางอาภาพร สินธุสาร ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีชุมชน เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “ศิลปะการดมน้ำหอมและการ ประเมินคุณภาพน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ (The art of perfume and perfume evaluation for products)” ภายใต้โครงการ การวิจัยและพัฒนาข้อกำหนดคุณลักษณะและมาตรฐานวิธีการทดสอบสำหรับพริกไทยสุไหงอุเป ได้รับเกียรติจาก นางสาวกานต์จนาภา สถิรชวาล กรรมการผู้จัดการบริษัท คอสเมด แอนด์ แอนไท-เอจจิ้ง จำกัด เป็นวิทยากร โดยมีบุคลากร วศ. เข้าร่วมการฝึกอบรมกว่า 20 คน ณ ห้อง 320 ชั้น 3 อาคารสถานศึกษาเคมีปฏิบัติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ
    ทั้งนี้ วศ. เล็งเห็นความสำคัญเพื่อฝึกฝนทักษะการดมและการประเมินคุณภาพกลิ่นหอมในผลิตภัณฑ์อย่างมีหลักการและถูกวิธี การฝึกอบรมฯ ในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมได้แก่ ภาคบรรยาย หัวข้อภาษาน้ำหอมและหลักการดมกลิ่นน้ำหอมเบื้อต้น การออกแบบน้ำหอมเบื้อต้น และหลักการประเมิณคุณภาพน้ำหอมและกลิ่นหอมในผลิตภัณฑ์ และภาคปฏิบัติ การดมกลิ่นอย่างถูกต้อง (Perfume smell training) เพื่อเสริมสร้างให้บุคลากรมีความรู้ความเข้าใจหลักการดมกลิ่นน้ำหอม และการใช้ภาษาที่อธิบายกลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์ สามารถประเมินคุณภาพกลิ่นหอมเบื้องต้นได้ รวมทั้งนำมาปรับใช้เพื่อเป็นแนวคิดทางด้านวิชาการในศาสตร์การดมกลิ่น พร้อมส่งเสริมและดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการด้านอาหาร สมุนไพร หรือด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถอธิบายความหมายของกลิ่นให้เป็นภาษาสากลได้อย่างถูกต้อง