ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่ 50/2567) วศ.อว. เตือนภัย “ภาวะฝนกรด” กระทบสุขภาพ หลังโซเชียลแชร์ภาพถนนเป็นฟองสีขาวหลังฝนตก แนะหลีกเลี่ยงการตากฝนและไม่ควรรองรับน้ำฝนในช่วงแรก

F334 4 F334 3

F334 1 F334 2

 

           เมื่อเช้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นพ. รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตามที่มีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล สื่อโซเชียลได้โพสต์ภาพฟองสีขาวที่บริเวณต้นไม้ริมทางเท้าภายหลังฝนตก โดย กรณีฟองที่เกิดริมทางเท้านั้นสามารถอธิบายได้ว่า เป็นฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากอากาศที่ถูกดักจับโดยของเหลวที่มีแรงตึงผิวสูงมาก โดยการเกิดฟองอากาศจะประกอบด้วย (1) ของเหลว คือ ฝนกรด (2) อากาศที่แทรกอยู่ในรูพรุนขนาดเล็กของพื้นดินหรือพื้นยางมะตอย (3) สารลดแรงตึงผิว บนพื้นผิวถนน และบรรยากาศ ประกอบไปด้วยสารจำพวกน้ำมัน (โดยเฉพาะพวกน้ำมันปิโตรเลียม) เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันจากสารทำความเย็น น้ำมันเบรค และ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากฝนและมลพิษ ในรูปของฝนกรดนั่นเอง
           ปรากฏการณ์ฝนกรดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันมีสาเหตุสำคัญมาจากกิจกรรมของมนุษย์โดยตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะการเผาไหม้ถ่านหินในอุตสาหกรรมไฟฟ้า การปล่อยควันพิษและของเสียจากโรงงานต่างๆ รวมไปถึงมลพิษจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยกระบวนการเผาไหม้ถ่านหินและน้ำมันดังกล่าว มีการปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2¬) และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) รวมถึงฝุ่นละออง ออกสู่บรรยากาศ และทำปฏิกริยากับไอน้ำหรือน้ำฝน เปลี่ยนรูปไปเป็นกรดซัลฟิวริก (H2SO4) กรดไนตริก (HNO3) และ กรดชนิดอื่นๆ ตกลงมาบนพื้นผิวโลก ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ผืนดิน ป่าไม้และสิ่งก่อสร้างอย่างมาก มากไปกว่านั้นยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรงอีกด้วย นั่นคือ ฝนกรดสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการบริโภคน้ำฝนที่เพิ่งตกลงมาใหม่ๆ อาจเสี่ยงต่อการดื่มน้ำที่มีสภาวะเป็นกรดและมีสารพิษปนเปื้อน
           อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ แนะนำประชาชนควรหลีกเลี่ยงการตากฝน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจและโรคผิวหนัง หากโดนฝนเมื่อกลับบ้านควรรีบอาบน้ำ สระผมเพื่อชำระสิ่งสกปรกแล้วเช็ดตัวเป่าผมให้แห้ง นอกจากนั้นไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกในช่วงแรกๆ เพื่อการอุปโภคและบริโภค ควรปล่อยให้ฝนตกสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและหลังคาให้สะอาดเสียก่อน
           การแก้ไขการเกิดฝนกรดอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การลดจำนวนปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตร เจนออกไซด์ที่จะเข้าสู่บรรยากาศจากโรงงานไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปและยานพาหนะ โดยทางโรงงานจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการเกิดก๊าซมลพิษเหล่านี้ โดยการจัดให้มีอุปกรณ์ในการดักจับอย่างถูกต้องนอกจากนั้นการแก้ไขที่ต้นตอนั่นคือ ตัวเราเอง โดยเราสามารถช่วยกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้เกิดการเผาไหม้น้อยที่สุดได้ เช่น การเปิดเครื่องปรับอากาศให้น้อยลง ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ใช้รถยนต์ให้น้อยลง เพียงแค่เราร่วมมือกันคนละนิด ไม่ก่อให้เกิดการผลิตของเสียและการเผาไหม้ การเกิดฝนกรดก็จะลดน้อยลงไปโดยปริยาย
           ในปัจจุบันทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาฝนกรด พบว่านโยบายภาครัฐของหลายกระทรวงให้ความสำคัญในการลดมลพิษที่ก่อให้เกิดฝนกรด อาทิ กระทรวง อว. ส่งเสริมการสร้างงานวิจัยเพื่อลดมลพิษทางอากาศ เช่น การพัฒนาเครื่องดักจับก๊าซมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้และที่เจือปนอยู่ในก๊าซชีวภาพ ตลอดจนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบเพื่อตรวจวัดสภาพมลพิษทางอากาศของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาตรการบังคับใช้มาตรฐาน Euro5 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดแทนการเผาอ้อยก่อนตัด ผ่านการสมทบจ่ายค่าแรงงานให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสด กระทรวงพลังงาน ได้ออกนโยบาย 3C หรือ Clean-Care-Change โดย CLEAN-ยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงโดยปรับคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 ไป Euro5 ซึ่งจะมีกำมะถันไม่เกิน 10 ppm, CARE-ส่งเสริมการเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลเครื่องยนต์, และ CHANGE-สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการการปล่อยก๊าซมลพิษ กระทรวงคมนาคม มีนโยบายกำหนดมาตรการตรวจสภาพรถยนต์ให้มีเกณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้นและลดการปล่อยมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงการจัดการไฟในป่า ไฟในพื้นที่เกษตรกรรม ในส่วนของภาคประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ลดการใช้งานพาหนะส่วนตัว หมั่นตรวจสอบสภาพพาหนะส่วนตัว ลดการเผาไหม้ในที่โล่ง เป็นต้น
           กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้เกิดการนำข้อมูลและความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 49/2567) "รมว.ศุภมาส แถลง วศ.อว. นำไทยสู่อันดับ 5 ของโลก ด้านการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สร้างความเชื่อมั่นระบบประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ นำสินค้าไทยสู่สากล"

F333 4 F333 1

F333 3 F333 2

 

            เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. ได้รับการรับรองเป็นหน่วยงานเดียวในนามประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการรับรองห้องปฏิบัติการ (International Laboratory Accreditation Cooperation Mutual Recognition Arrangement, ILAC MRA) ในการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17043 ได้คุณภาพมาตรฐาน เป็นอันดับที่ 5 ของโลกในปี พ.ศ. 2567
            รมว.อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมฯ ให้ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามนโยบายของกระทรวง อว. ซึ่งมุ่งเน้นในด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คือ “วิทยาศาสตร์-วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” และ "เน้นประเด็นสำคัญของประเทศด้านความยั่งยืน (Sustainabilty) มุ่งพัฒนาความสามารถและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันที่ยั่งยืนในทางการค้าการลงทุนสนับสนุนการส่งออก และเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นในการประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการของประเทศไทย ทั้งด้านการทดสอบ สอบเทียบ และด้านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพบริการทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เมื่อการประเมินคุณภาพจากภายนอกของการตรวจวิเคราะห์ทางด้านวิทยาศาสตร์ (External Quality Assessment, EQA) ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นเป็นที่ยอมรับแก่ หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่นำผลการวิเคราะห์ไปใช้ ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยกำกับดูแลทางกฎหมาย มีความเชื่อมั่นในข้อมูลที่ใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์หรือตัดสินใจที่สำคัญของประเทศได้
            นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินคุณภาพจากภายนอก (External Quality Assessment, EQA) หรือการทดสอบความชำนาญ (Proficiency Testing, PT) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ที่มาตรฐานสากลหรือมาตรฐานระดับนานาชาติ ได้กำหนดให้ห้องปฏิบัติการ และห้องปฏิบัติการทดสอบด้านวิทยาศาสตร์ โดยที่ กรม วศ. ได้เข้าร่วมการประเมิน เพื่อเป็นการประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นการบ่งชี้คุณภาพและมาตรฐานของระบบและบุคลากร และได้ใช้ผลการประเมินในการเฝ้าระวังสมรรถนะของการตรวจวิเคราะห์ แสดงถึงความสามารถอย่างต่อเนื่องของห้องปฏิบัติการ ทำให้ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้องตามหลักวิชาการ และเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานสากล เกิดความเชื่อมั่นเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้บริการ เช่น หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งประชาชนเกิดความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า ทั้งนี้ กรม วศ. มุ่งมั่นพัฒนาระบบห้องปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 48/2567) วศ.อว. แจงผลตรวจคลองบางแพรกน้ำสีชมพู พบเชื้อแบคทีเรียเจือปน

F332 1 F332 4

F332 3 F332 2

 

           วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ภายหลังที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว (DSS Team) ได้รับสั่งการจาก นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีกระทรวง อว. ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาคุณภาพน้ำสีชมพูในคลองบางแพรกบริเวณหลัง big c สาขาติวานนท์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์น้ำสีชมพูโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ (Compound light microscope) กำลังขยาย 600 เท่า พบว่ามีจุลินทรีย์สีชมพูอยู่จำนวนมาก สันนิษฐานว่าเป็นแบคทีเรียซัลเฟอร์สีม่วง (purple sulfur bacteria) ทำให้มองเห็นเป็นสีชมพู โดยแบคทีเรียซัลเฟอร์สีม่วงเป็นแบคทีเรียแบบไม่ใช้ออกซิเจน มักพบในสภาพแวดล้อมของน้ำที่มีการแบ่งชั้น รวมถึงน้ำพุร้อน และแหล่งน้ำนิ่ง ซึ่งน้ำในคลองบางแพรกมีสภาพเป็นน้ำนิ่งเช่นเดียวกัน
           ดังนั้นเมื่อน้ำในคลองบางแพรกมีสภาพไร้อากาศ หรือมีความสกปรกสูงจึงเป็นสภาวะที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรียซัลเฟอร์สีม่วงโดยจะใช้กรดอินทรีย์ในน้ำเสียและไฮโดรเจนซัลไฟด์เป็นอาหาร รวมทั้งใช้แสงแดดในการสังเคราะห์พลังงาน ซึ่งแนวทางแก้ไขออกซิเจนในคลองบางแพรกควรติดตั้งเครื่องเติมอากาศ หรือลดภาระความสกปรกในรูปของสารอินทรีย์ในคลองบางแพรก เช่น การควบคุมแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่ทิ้งลงคลองฯ ให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกิจกรรมนั้นๆ และข้อแนะนำสำหรับประชาชน ห้ามนำน้ำในคลองดังกล่าวมาใช้อุปโภค บริโภค เด็ดขาด ให้ระวังการสัมผัสน้ำในคลอง หากมีการสัมผัส ให้รีบทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ทันที
ซึ่งหลังจากนี้ วศ.จะร่วมประชุมกับหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบ และปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 47/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. เสริมแกร่งอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้ประชาชน

F331 1 F331 3

F331 2 F331 4

 

           เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. ให้ความสำคัญการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีปรับปรุงและเพิ่มเติมให้ได้มาตรฐานในระดับสากล พร้อมตอบโจทย์ประเทศด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างในประเทศไทยยังคงเผชิญปัญหาและอุปสรรคในการขอการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เนื่องจากไม่สามารถพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานกำหนด ทำให้ขาดโอกาสแข่งขันในการเข้าร่วมประมูลในโครงการของรัฐและเอกชน
            นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นของประเทศไทย โดยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสาธารณูปโภคที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต อำนวยความสะดวกของประชาชน และสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างยังมีความเกี่ยวพันและเชื่อมโยงกับอีกหลายภาคเศรษฐกิจ อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นปูนซีเมนต์ เหล็ก วัสดุก่อสร้างอื่นๆ อุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) มากกว่า 2แสนล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82 ของ GDP อุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมฯดังกล่าวมีบทบาทในทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
            ในวันนี้ วศ.อว. จึงได้จัดงาน “ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างไทย สร้างเศรษฐไทยให้ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมให้ห้องปฏิบัติการภายในประเทศให้ได้รับการรับรองทางคุณภาพและสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการภายในประเทศ เพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงบริการของหน่วยตรวจสอบทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างชนิดใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและโลกอนาคต เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) รวมถึงจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมให้มีคุณภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความปลอดภัย มุ่งไปสู่การสร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
           วศ.อว. ได้ร่วมมือกับ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จัดทำเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 11 มาตรฐาน และในปี 2567 กำลังดำเนินการจัดทำอีก 4 มาตรฐาน และการจัดงานในวันนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ มุ่งเน้นให้ความรู้ถึงคุณลักษณะที่ต้องการและวิธีการทดสอบของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนส่งเสริมผู้ประกอบการในการยื่นขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอนกรีตแห้งสำเร็จรูป ตาม มอก. 3202-2564 และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคอนกรีตแห้งสำเร็จรูปสำหรับสภาพแวดล้อมทางทะเล ตาม มอก. 3203-2564 ซึ่งปัจจุบันมูลค่าการจำหน่ายสองผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีมากกว่า 600 ล้านบาท นอกจากนี้ได้จัดพิธีมอบโล่เกียรติคุณเพื่อแสดงความขอบคุณหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมดำเนินการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ รวมถึงผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกับ วศ. แล้วประสบความสำเร็จได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในนามของ วศ. ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัล และขอชื่นชมในความตั้งใจ เสียสละแรงกาย แรงใจ พัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นแบบอย่างที่ดีที่จะนำไปขยายผลต่อยอดในอนาคตต่อไป ประกอบด้วย

“หน่วยงานร่วมขับเคลื่อนมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพวัสดุก่อสร้างไทย”
1. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
2. กรมชลประทาน
3. สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
4. บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด
5. บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท เซ็มกรีต จำกัด
“หน่วยงานทรงคุณค่าในการพัฒนาสินค้าตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกับกรมวิทยาศาสตร์บริการอย่างต่อเนื่องและสัมฤทธิ์ผล”
1. บริษัท ทีพีไอ คอนกรีต จำกัด
2. บริษัท เซ็มกรีต จำกัด
3. บริษัท ไวท์คลาวน์ จำกัด
4. บริษัท ควิกโคท โปรดักส์ จำกัด
วศ.อว. ขอบคุณทุกพลังความร่วมมือในการส่งเสริมความแข็งแกร่งอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้ประชาชน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 46/2567) วศ.อว. หนุนเทคโนโลยีพัฒนาผู้ประกอบการด้านกระดาษและบรรจุภัณฑ์รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ

F330 2 F330 4

F330 1 F330 3

 

          วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.กนิษฐ์ ตะปะสา โฆษกกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่าตามนโยบายท่านศุภมาส อิสรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ที่เน้นย้ำการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน ตอบสนองการขับเคลื่อนด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในด้านการพัฒนาคุณภาพกระดาษและบรรจุภัณฑ์ ที่ปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกและกระดาษแข็ง ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะมีน้ำหนักเบา ต้นทุนขนส่งต่ำ ปรับเปลี่ยนรูปทรงเหมาะสมกับลักษณะสินค้าได้ง่าย และนำกลับมาใช้ซ้ำได้ โดยเทคโนโลยีเทคนิคการทดสอบและสอบเทียบเครื่องทดสอบกระดาษ จะช่วยพัฒนากระบวนการผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษให้มีคุณภาพ มีการควบคุมเหมาะสมเป็นไปตามมาตรฐานและตรงตามความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
           โฆษก กรม วศ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เข้าร่วมงานสัมมนา“การพัฒานาคุณภาพการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูก” และ “การทดสอบและการสอบเทียบเครื่องทดสอบกระดาษ” ในครั้งนี้ จะได้รับความรู้วิชาการด้านกระดาษที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ รวมทั้งความรู้วิชาการที่เกี่ยวข้องด้านการวิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์กระดาษ และสอบเทียบเครื่องทดสอบกระดาษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมกระดาษสามารถนำไปพัฒนาบุคลากรในห้องปฏิบัติการ ช่วยแก้ปัญหาพัฒนากระบวนการผลิตให้มีคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
           ในวันนี้ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. ได้จัดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการหลักสูตรฯดังกล่าว ให้กับโรงงานผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ โดยมุ่งเป้าถ่ายทอดองค์ความรู้วิชาการและเทคโนโลยีช่วยผู้ประกอบการพัฒนาและควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตกระดาษและบรรจุภัณฑ์ โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมสัมมนาทั้ง 2 หลักสูตรรวมกันกว่า 130 คน จาก 44 บริษัท ตั้งแต่วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้อง 320 ชั้น 3 อาคารสถานศึกษาเคมีปฏิบัติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

  1. (ข่าวที่ 45/2567) กรมวิทย์ฯบริการ จับมือ อพวช. ยกขบวนคาราวานวิทยาศาสตร์สุดสนุก!! สร้างแรงบันดาลใจแก่น้องๆ นักเรียน จังหวัดอุทัยธานี
  2. (ข่าวที่ 44/2567) “ศุภมาส” สั่งการ “ทีม DSS” ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำสีชมพู คลองบางแพรก นนทบุรี หวั่นกระทบคุณภาพชีวิตประชาชน
  3. (ข่าวที่ 43/2567) “วศ.อว. พัฒนาเชื่อมโยงบริการทางห้องปฏิบัติการกระทรวง อว. สร้างความเข้มแข็งห้องปฏิบัติการ พร้อมยกระดับการบริการภาครัฐสู่ดิจิทัล”
  4. (ข่าวที่ 42/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ขยายการบริการห้องปฏิบัติการสู่ภูมิภาคและชุมชนทั่วประเทศ เตรียมเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์บริการร่วม “นครปฐม” และ ”ราชบุรี” อำนวยความสะดวกประชาชนในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ส่งมอบบริการตรวจวิเคราะห์สินค้าแก่ประชาชนและผู้ประก
  5. (ข่าวที่ 41/2567) รัฐมนตรี “ศุภมาส” ย้ำ วศ. เดินหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (T-CAV) ยกระดับความปลอดภัยยานยนต์ไทย ปูทางสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่เข้มแข็ง
  6. (ข่าวที่ 40/2567) “ศุภมาศ” รมว. อว. สั่งการ “ทีม DSS” ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มตู้หยอดเหรียญเพื่อสร้างมาตรการความปลอดภัยแก่ประชาชน
  7. (ข่าวที่ 39/2567) วศ.อว. เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยการขยายขอบข่ายด้านการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการสอบเทียบ
  8. (ข่าวที่ 38/2567) “วศ.อว. ร่วมมือ อย. เตรียมเปิดศูนย์ One Stop Service และร่วมตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ร่วมดูแลมาตรฐานความปลอดภัยประชาชน”
  9. (ข่าวที่ 37/2567) วศ.อว. เข้าร่วมรับเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ในโอกาสเสด็จเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ PACCON 2024
  10. (ข่าวที่ 36/2567) อธิบดี วศ. "หมอรุ่งเรือง” สนับสนุนประชาชนรักสุขภาพ เป็นประธานเปิดกิจกรรม "วิ่งให้โอกาส 2024" เครือข่ายร้านยากรุงเทพ มอบเงิน 1 ล้านบาทให้มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม รักษาเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่