ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่ 53/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. ยกระดับแหล่งการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อการพัฒนาเป็นพื้นที่แห่งโอกาส สำหรับเยาวชนและประชาชนทุกคน

F337 3 F337 1

F337 4 F337 2

 

          วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) มุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่และทุกเวลา (Anytime and Anywhere) โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ ที่เป็นประเด็นสำคัญของประเทศ คือ Go Green พอเพียง ความยั่งยืน (Sustainabilty) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตและเศรษฐกิจ โดยให้สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างการมีส่วนร่วมกับพื้นที่และชุมชน เพื่อนำองค์ความรู้ไปพัฒนาชุมชนโดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ส่งเสริมให้เกิดแหล่งการเรียนรู้สำหรับเยาวชน และเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับทุกคน โดยมุ่งเน้นในการสร้างคน สร้างความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนาประเทศ

          นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า กองหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สท.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เป็นหอสมุดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ ที่ให้บริการหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงประชาชน ได้จัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลเฉพาะทาง เพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและพัฒนา โดยส่งเสริมให้ห้องสมุดพื้นที่มีบทบาทเป็นหน่วยบริการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานสำคัญคือ ได้พัฒนาห้องสมุดสีเขียว ตามเกณฑ์มาตรฐานห้องสมุดสีเขียว พ.ศ.2566 ประกาศสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อส่งเสริมให้ห้องสมุดมีบทบาทในการเป็นหน่วยบริการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการดำเนินงานอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและมีมาตรฐาน สอดคล้องกับนโยบายของชาติและมีความเป็นสากล

          นอกจากนี้ วศ. ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ในการยกระดับห้องสมุดโรงเรียนให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ยกระดับให้เป็นห้องสมุดสีเขียว "Green Library” โดยจัดห้องสมุดให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการศึกษาค้นคว้า ส่งเสริมให้เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมการเรียนรู้และจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ เช่น การจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนได้มีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะให้ถูกประเภท โดยกิจกรรมนี้จัดภายใต้โครงการ PEA หมู่บ้านช่อสะอาด โดยในปี 2567 วศ. ร่วมกับ PEA จะพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนบ้านป่าซาง จังหวัดลำพูน และห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจะขยายการดำเนินการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหอสมุดส่วนกลางระดับชาติ เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นำมาแก้ไขปัญหา เช่น การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับเยาวชนและประชาชนทุกคน ตามนโยบาย รมว. อว. เพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ที่ยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 52/2567) อธิบดี วศ. นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยค่านิยมซื่อสัตย์ สุจริต ชูเจตนารมณ์ “No Gift Policy” ส่งเสริมวัฒนธรรมที่ดีแก่บุคลากรและสังคม

F336

 

          ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 เห็นชอบแผนปฏิรูปด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วย ประกาศเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่รับของขวัญของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ และให้ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานจัดทำประกาศพร้อมลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร
           ล่าสุด นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. ได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ No Gift Policy งดให้-งดรับ ของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริตตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมเน้นย้ำ “ของขวัญที่ดี คือไมตรีที่มีต่อกัน” อธิบดี วศ. กล่าวว่า นโยบาย No Gift Policy เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ซึ่งตนเองให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยสื่อสารชัดเจนกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ วศ. ทุกระดับตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งอธิบดีกรม วศ. เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนเป็นคนดี มีค่านิยมในทางสุจริต มีจิตบริการ และยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ดีแก่องค์กรและสังคมต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 51/2567) “รมว.อว. ศุภมาส” ให้ วศ.อว. ยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยนวัตกรรมแก้จน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน แก่กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน

F335 4 F335 3

F335 1 F335 2

 

           เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนและเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานของผู้ประกอบการ OTOP ตนได้สั่งการและให้นโยบายแก่ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ให้ความสำคัญกับการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการ และชุมชน เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตและบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับขีดความสามารถของชุมชน รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการของชุมชนสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม โดยยกระดับให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน

           นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า วศ.อว. ได้ดำเนินการระดับพื้นที่ เพื่อวินิจฉัยปัญหา ถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิต รวมถึงการยื่นขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้แก่ “การพัฒนากระบวนการผลิตเซรามิก” กลุ่มเซรามิกบ้านหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง โดยเริ่มต้นจากการลงพื้นที่สำรวจวัตถุดิบ ดินขาวระนอง และแร่ดีบุกเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิก ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิกอย่างต่อเนื่อง เช่น ชุดถ้วยกาแฟและจานใบบัว จานที่ระลึกลายนูนต่ำรูปพระราชวังรัตนรังสรรค์ “การมัดย้อมผ้าทอมือด้วยสีธรรมชาติ และการเขียนลายเส้นบนผ้าทอมือ” ให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มระนองบาติก โดยสอนเทคนิคการสกัดและย้อมสีจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ใบมะม่วง ใบมังคุด ทำผ้ามัดย้อม การออกแบบลวดลายของเส้นเทียนบาติกให้ผ้ามีมิติมากขึ้นเป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันให้เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น “การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากน้ำแร่ธรรมชาติ” โดยลงพื้นที่สำรวจบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน นำน้ำแร่ระนองมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่เหลวน้ำผึ้ง สบู่กลีเซอรีน สเปรย์น้ำแร่ แชมพู ครีมนวดผม และเกลือขัดผิว ผนวกกับใช้สมุนไพรที่มีประโยชน์เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสมผสานกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ “การยืดอายุการเก็บผลิตภัณฑ์สะตอ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้วัตถุดิบในท้องถิ่นของภาคใต้ เช่น สะตอบรรจุในถุงสุญญากาศ สะตอดองในน้ำปรุงรส สะตอทอดกรอบปรุงรส ข้าวเกรียบสะตอ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์” นำปัญหาวัตถุดิบตกเกรด เช่น ปลายข้าวหัก และเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ครึ่งซีก หัก หรือป่น ซึ่งมีมูลค่าต่ำมาวิจัยพัฒนาแปรรูป และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ คุกกี้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เค้กกล้วยหอมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องดื่มน้ำข้าวผสมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ รวมถึงการถ่ายทององค์ความรู้ “เทคโนโลยีการพัฒนาอ่างบ่มอุณหภูมิสำหรับการเกษตรแปรรูปชุมชน” โดย วศ.อว. พัฒนาต้นแบบอ่างบ่มด้วยอุณหภูมิต่ำที่เหมาะสมกับเกษตรแปรรูปชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนาอ่างบ่มที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมได้เอง โดยใช้วัสดุที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด เป็นเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร มีการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานกำหนด สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้แปรรูปผลิตภัณฑ์สะตอเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และการลดระยะเวลาในการดองไข่เค็ม

          วศ.อว. มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและความสามารถของชุมชนและผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์ และต่อยอดการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการแข่งขัน ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
           ในขณะนี้ ได้เน้นย้ำการสร้างความร่วมมือ จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เกิดกลไกความร่วมมือ เกิดการขยายผลอย่างครอบคลุมชุมชนทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 50/2567) วศ.อว. เตือนภัย “ภาวะฝนกรด” กระทบสุขภาพ หลังโซเชียลแชร์ภาพถนนเป็นฟองสีขาวหลังฝนตก แนะหลีกเลี่ยงการตากฝนและไม่ควรรองรับน้ำฝนในช่วงแรก

F334 4 F334 3

F334 1 F334 2

 

           เมื่อเช้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 นพ. รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตามที่มีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑล สื่อโซเชียลได้โพสต์ภาพฟองสีขาวที่บริเวณต้นไม้ริมทางเท้าภายหลังฝนตก โดย กรณีฟองที่เกิดริมทางเท้านั้นสามารถอธิบายได้ว่า เป็นฟองอากาศที่เกิดขึ้นจากอากาศที่ถูกดักจับโดยของเหลวที่มีแรงตึงผิวสูงมาก โดยการเกิดฟองอากาศจะประกอบด้วย (1) ของเหลว คือ ฝนกรด (2) อากาศที่แทรกอยู่ในรูพรุนขนาดเล็กของพื้นดินหรือพื้นยางมะตอย (3) สารลดแรงตึงผิว บนพื้นผิวถนน และบรรยากาศ ประกอบไปด้วยสารจำพวกน้ำมัน (โดยเฉพาะพวกน้ำมันปิโตรเลียม) เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันจากสารทำความเย็น น้ำมันเบรค และ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่เกิดจากฝนและมลพิษ ในรูปของฝนกรดนั่นเอง
           ปรากฏการณ์ฝนกรดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันมีสาเหตุสำคัญมาจากกิจกรรมของมนุษย์โดยตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะการเผาไหม้ถ่านหินในอุตสาหกรรมไฟฟ้า การปล่อยควันพิษและของเสียจากโรงงานต่างๆ รวมไปถึงมลพิษจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยกระบวนการเผาไหม้ถ่านหินและน้ำมันดังกล่าว มีการปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2¬) และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) รวมถึงฝุ่นละออง ออกสู่บรรยากาศ และทำปฏิกริยากับไอน้ำหรือน้ำฝน เปลี่ยนรูปไปเป็นกรดซัลฟิวริก (H2SO4) กรดไนตริก (HNO3) และ กรดชนิดอื่นๆ ตกลงมาบนพื้นผิวโลก ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ผืนดิน ป่าไม้และสิ่งก่อสร้างอย่างมาก มากไปกว่านั้นยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรงอีกด้วย นั่นคือ ฝนกรดสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนัง ดวงตา และระบบทางเดินหายใจ รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการบริโภคน้ำฝนที่เพิ่งตกลงมาใหม่ๆ อาจเสี่ยงต่อการดื่มน้ำที่มีสภาวะเป็นกรดและมีสารพิษปนเปื้อน
           อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ แนะนำประชาชนควรหลีกเลี่ยงการตากฝน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ทั้งโรคระบบทางเดินหายใจและโรคผิวหนัง หากโดนฝนเมื่อกลับบ้านควรรีบอาบน้ำ สระผมเพื่อชำระสิ่งสกปรกแล้วเช็ดตัวเป่าผมให้แห้ง นอกจากนั้นไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกในช่วงแรกๆ เพื่อการอุปโภคและบริโภค ควรปล่อยให้ฝนตกสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและหลังคาให้สะอาดเสียก่อน
           การแก้ไขการเกิดฝนกรดอย่างมีประสิทธิภาพ คือ การลดจำนวนปริมาณก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตร เจนออกไซด์ที่จะเข้าสู่บรรยากาศจากโรงงานไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปและยานพาหนะ โดยทางโรงงานจะต้องมีความรับผิดชอบต่อการเกิดก๊าซมลพิษเหล่านี้ โดยการจัดให้มีอุปกรณ์ในการดักจับอย่างถูกต้องนอกจากนั้นการแก้ไขที่ต้นตอนั่นคือ ตัวเราเอง โดยเราสามารถช่วยกันประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้เกิดการเผาไหม้น้อยที่สุดได้ เช่น การเปิดเครื่องปรับอากาศให้น้อยลง ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ใช้รถยนต์ให้น้อยลง เพียงแค่เราร่วมมือกันคนละนิด ไม่ก่อให้เกิดการผลิตของเสียและการเผาไหม้ การเกิดฝนกรดก็จะลดน้อยลงไปโดยปริยาย
           ในปัจจุบันทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสนใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาฝนกรด พบว่านโยบายภาครัฐของหลายกระทรวงให้ความสำคัญในการลดมลพิษที่ก่อให้เกิดฝนกรด อาทิ กระทรวง อว. ส่งเสริมการสร้างงานวิจัยเพื่อลดมลพิษทางอากาศ เช่น การพัฒนาเครื่องดักจับก๊าซมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้และที่เจือปนอยู่ในก๊าซชีวภาพ ตลอดจนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบเพื่อตรวจวัดสภาพมลพิษทางอากาศของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาตรการบังคับใช้มาตรฐาน Euro5 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดแทนการเผาอ้อยก่อนตัด ผ่านการสมทบจ่ายค่าแรงงานให้แก่เกษตรกรที่ตัดอ้อยสด กระทรวงพลังงาน ได้ออกนโยบาย 3C หรือ Clean-Care-Change โดย CLEAN-ยกระดับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงโดยปรับคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 ไป Euro5 ซึ่งจะมีกำมะถันไม่เกิน 10 ppm, CARE-ส่งเสริมการเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลเครื่องยนต์, และ CHANGE-สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการการปล่อยก๊าซมลพิษ กระทรวงคมนาคม มีนโยบายกำหนดมาตรการตรวจสภาพรถยนต์ให้มีเกณฑ์ที่ปลอดภัยมากขึ้นและลดการปล่อยมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงการจัดการไฟในป่า ไฟในพื้นที่เกษตรกรรม ในส่วนของภาคประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้โดยการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ลดการใช้งานพาหนะส่วนตัว หมั่นตรวจสอบสภาพพาหนะส่วนตัว ลดการเผาไหม้ในที่โล่ง เป็นต้น
           กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้เกิดการนำข้อมูลและความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 49/2567) "รมว.ศุภมาส แถลง วศ.อว. นำไทยสู่อันดับ 5 ของโลก ด้านการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สร้างความเชื่อมั่นระบบประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ นำสินค้าไทยสู่สากล"

F333 4 F333 1

F333 3 F333 2

 

            เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยที่กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. ได้รับการรับรองเป็นหน่วยงานเดียวในนามประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับจากองค์การระหว่างประเทศ ว่าด้วยการรับรองห้องปฏิบัติการ (International Laboratory Accreditation Cooperation Mutual Recognition Arrangement, ILAC MRA) ในการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17043 ได้คุณภาพมาตรฐาน เป็นอันดับที่ 5 ของโลกในปี พ.ศ. 2567
            รมว.อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมฯ ให้ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามนโยบายของกระทรวง อว. ซึ่งมุ่งเน้นในด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คือ “วิทยาศาสตร์-วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” และ "เน้นประเด็นสำคัญของประเทศด้านความยั่งยืน (Sustainabilty) มุ่งพัฒนาความสามารถและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันที่ยั่งยืนในทางการค้าการลงทุนสนับสนุนการส่งออก และเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นในการประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการของประเทศไทย ทั้งด้านการทดสอบ สอบเทียบ และด้านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพบริการทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เมื่อการประเมินคุณภาพจากภายนอกของการตรวจวิเคราะห์ทางด้านวิทยาศาสตร์ (External Quality Assessment, EQA) ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นเป็นที่ยอมรับแก่ หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่นำผลการวิเคราะห์ไปใช้ ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยกำกับดูแลทางกฎหมาย มีความเชื่อมั่นในข้อมูลที่ใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์หรือตัดสินใจที่สำคัญของประเทศได้
            นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินคุณภาพจากภายนอก (External Quality Assessment, EQA) หรือการทดสอบความชำนาญ (Proficiency Testing, PT) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ที่มาตรฐานสากลหรือมาตรฐานระดับนานาชาติ ได้กำหนดให้ห้องปฏิบัติการ และห้องปฏิบัติการทดสอบด้านวิทยาศาสตร์ โดยที่ กรม วศ. ได้เข้าร่วมการประเมิน เพื่อเป็นการประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นการบ่งชี้คุณภาพและมาตรฐานของระบบและบุคลากร และได้ใช้ผลการประเมินในการเฝ้าระวังสมรรถนะของการตรวจวิเคราะห์ แสดงถึงความสามารถอย่างต่อเนื่องของห้องปฏิบัติการ ทำให้ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการมีความน่าเชื่อถือ ถูกต้องตามหลักวิชาการ และเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานสากล เกิดความเชื่อมั่นเป็นที่ยอมรับแก่ผู้ใช้บริการ เช่น หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งประชาชนเกิดความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า ทั้งนี้ กรม วศ. มุ่งมั่นพัฒนาระบบห้องปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

  1. (ข่าวที่ 48/2567) วศ.อว. แจงผลตรวจคลองบางแพรกน้ำสีชมพู พบเชื้อแบคทีเรียเจือปน
  2. (ข่าวที่ 47/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. เสริมแกร่งอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้ประชาชน
  3. (ข่าวที่ 46/2567) วศ.อว. หนุนเทคโนโลยีพัฒนาผู้ประกอบการด้านกระดาษและบรรจุภัณฑ์รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
  4. (ข่าวที่ 45/2567) กรมวิทย์ฯบริการ จับมือ อพวช. ยกขบวนคาราวานวิทยาศาสตร์สุดสนุก!! สร้างแรงบันดาลใจแก่น้องๆ นักเรียน จังหวัดอุทัยธานี
  5. (ข่าวที่ 44/2567) “ศุภมาส” สั่งการ “ทีม DSS” ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำสีชมพู คลองบางแพรก นนทบุรี หวั่นกระทบคุณภาพชีวิตประชาชน
  6. (ข่าวที่ 43/2567) “วศ.อว. พัฒนาเชื่อมโยงบริการทางห้องปฏิบัติการกระทรวง อว. สร้างความเข้มแข็งห้องปฏิบัติการ พร้อมยกระดับการบริการภาครัฐสู่ดิจิทัล”
  7. (ข่าวที่ 42/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ขยายการบริการห้องปฏิบัติการสู่ภูมิภาคและชุมชนทั่วประเทศ เตรียมเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์บริการร่วม “นครปฐม” และ ”ราชบุรี” อำนวยความสะดวกประชาชนในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ส่งมอบบริการตรวจวิเคราะห์สินค้าแก่ประชาชนและผู้ประก
  8. (ข่าวที่ 41/2567) รัฐมนตรี “ศุภมาส” ย้ำ วศ. เดินหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (T-CAV) ยกระดับความปลอดภัยยานยนต์ไทย ปูทางสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่เข้มแข็ง
  9. (ข่าวที่ 40/2567) “ศุภมาศ” รมว. อว. สั่งการ “ทีม DSS” ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มตู้หยอดเหรียญเพื่อสร้างมาตรการความปลอดภัยแก่ประชาชน
  10. (ข่าวที่ 39/2567) วศ.อว. เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยการขยายขอบข่ายด้านการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการสอบเทียบ