วันที่ 13 มีนาคม 2561 นางอุมาพร สุขม่วง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานเปิดงาน “พัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิกเพื่อการส่งออกของผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคกลาง” โดยมี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับและตัดริบบิ้นเปิดงานร่วมกัน ณ ห้องประชุมกาสะลอง โรงแรมเวสเทิร์นแกรนด์ราชบุรี จังหวัดราชบุรี

นางอุมาพร สุขม่วง กล่าวว่า จังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสาครมีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์เซรามิก หรืองานเครื่องปั้นดินเผามาเป็นเวลานาน แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ความนิยมใช้งานผลิตภัณฑ์แบบเดิมเริ่มลดน้อยลง ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับรูปแบบตามความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ วศ.จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ จัดทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิกเพื่อการส่งออก โดย วศ.เน้นใช้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการปรับปรุงกระบวนการผลิต และมจพ.ทำหน้าที่ออกแบบ และทดสอบตลาด และการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ มีเป้าหมายไม่น้อยกว่า 20 กิจการ 40 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาแล้วจะมีมูลค่าสูงขึ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30

9 มีนาคม 2561 นางเทพีวรรณ จิตรวัชรโกมล ผู้อำนวยการกองวัสดุวิศวกรรม เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร“การวิเคราะห์ตำหนิในเนื้อแก้วและการใช้พลังงานในเตาหลอม” เพื่อให้ความรู้ให้แก่บุคลากรที่ทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วและกระจก โดยเข้าร่วมการอบรม จำนวน 73 คน ณ ห้องประชุมภูมิบดินทร์ ชั้น 6 อาคารสถานศึกษาเคมีปฏิบัติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ

ทั้งนี้การฝึกอบรมหลักสูตรการวิเคราะห์ตำหนิในเนื้อแก้วและการใช้พลังงานในเตาหลอม” มุ่งเน้นให้ความรู้ ความเข้าใจที่ครอบคลุมความรู้เบื้องต้นทางด้านแก้ว วัตถุดิบและกลไกการเกิดปฏิกิริยาระหว่างกระบวนการหลอมแก้ว การคำนวณพลังงานที่ใช้ในเตาหลอมแก้ว การประเมินประสิทธิภาพเตาหลอม กระบวนการผลิตแก้ว การทดสอบสมบัติด้านต่างๆของแก้ว และการตรวจสอบตำหนิในแก้วและแนวทางการแก้ไข เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องการได้รับความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้นทางด้านแก้ว ซึ่งผู้เข้าร่วมฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนา ปรับปรุง ควบคุม และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในกระบวนการผลิตแก้ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการการต่อยอดอุตสาหกรรมกลุ่มเดิมที่มีศักยภาพ (First S-Curve) ซึ่งอุตสาหกรรมแก้วรวมอยู่ในกลุ่มนี้ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) และเป็นเครื่องมือในการผลักดันให้ประเทศก้าวเข้าสู่ ประเทศไทย 4.0 //////

กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) โดยนายเดช บัวคลี่ รักษาการเลขานุการกรม เป็นผู้แทนกล่าวต้อนรับ คณะอาจารย์และนักเรียน โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย มุกดาหาร ในการเข้าศึกษาดูงานห้องปฏิบัติการ รวม 154 คน ในวันที่ 6 มีนาคม 2561 ณ ห้องประชุมวิทยวิถี ชั้น 6 อาคารตั้ว ลพานุกรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ

ในการเข้าศึกษาดูงานครั้งนี้ มีการแบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วน คือ การเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการทั้งหมด 6 ด้าน ได้แก่ ห้องปฏิบัติการด้านอาหาร ห้องปฏิบัติการด้านเซรามิก ห้องปฏิบัติการด้านสารอินทรีย์ในผลิตภัณฑ์บริโภค ห้องปฏิบัติการด้านยางและผลิตภัณฑ์ยาง ห้องปฏิบัติการด้านอาหารสุขภาพ และห้องปฏิบัติการด้านการทดสอบเคมีในน้ำ รวมถึงเข้าเยี่ยมชมหอสมุดวิทยาศาสตร์ ดร. ตั้ว ลพานุกรม และกิจกรรมรับฟังการบรรยายในหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ห้องปฏิบัติการ” โดย ดร.สมบัติ คงวิทยา นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการเรียนและการทำงานต่อไป

6 มีนาคม 2561 นางอุมาพร สุขม่วง อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ(วศ.) เป็นประธานในการประชุมร่วมกับผู้แทนสถาบันการศึกษา 9 แห่ง เพื่อหารือแนวทางการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ด้วยการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผลิตภัณฑ์ผ้า และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ในพื้นที่ 10 จังหวัดยากจน ณ ห้องประชุมอัครเมธี ชั้น 6 อาคารตั้ว ลพานุกรม วศ.

            นางอุมาพรฯ กล่าวว่า จากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ดร.สุวิทย์  เมษินทรีย์ ให้ขับเคลื่อนนโยบาย วิทย์แก้จน เพื่อช่วยกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นั้น วศ. ได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อการการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในพื้นที่ 10 จังหวัดยากจน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ตาก น่าน ชัยนาท นครพนม กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ บุรีรัมย์  ปัตตานี และ นราธิวาส  เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผลิตภัณฑ์ผ้า และผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ในปี 2561 นี้ตั้งเป้าพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP ไม่น้อยกว่า 1,000 กลุ่ม จำนวน15,000 ราย ในพื้นที่ 10 จังหวัดดังกล่าว โดยจะดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายสถาบันการศึกษา ซึ่งครั้งนี้มีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมประชุม ได้แก่ มทร.ล้านนา  มรภ.อุตรดิตถ์  มรภ.สกลนคร   มรภ.กาฬสินธุ์   มรภ.อุบลราชธานี  มรภ.บุรีรัมย์  มรภ.ร้อยเอ็ด  มรภ.สงขลา  และ มรภ.ยะลา 

            ทั้งนี้  นางอุมาพรฯ ย้ำว่า การหารือนี้มีความสำคัญในการกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการที่ตั้งไว้  มุ่งผลักดันและสนับสนุนการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปพัฒนากระบวนการผลิต แก้ไขปัญหา การถ่ายทอดเทคโนโลยีและให้คำปรึกษาเชิงลึก ตลอดจนพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อยกระดับคุณภาพและเพิ่มมูลค่าของสินค้า OTOP ตามนโยบายสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจ วิทย์แก้จนและยกระดับเศรษฐกิจภูมิภาค //////