วันที่ 9 ตุลาคม 2568 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย ดร.เอกรัฐ มีชูวาศ ผู้อำนวยการศูนย์ห้องปฏิบัติการอ้างอิงฟิสิกส์ สถาบันห้องปฏิบัติการอ้างอิงแห่งชาติ พร้อมด้วยทีมนักวิจัย ได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์วิจัยแห่งความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีแก้วและวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
   การเยี่ยมชมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีแก้วและวัสดุขั้นสูง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ทดสอบวัสดุระหว่างหน่วยงาน รวมถึงการใช้ทรัพยากรและเครื่องมือวิทยาศาสตร์ร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนการนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนามาตรฐานการวิเคราะห์และยกระดับคุณภาพงานวิจัยของสถาบันห้องปฏิบัติการอ้างอิงแห่งชาติ ให้มีความทันสมัย ทัดเทียมมาตรฐานสากล
    โดยมี ผศ. กฤษฎา เลิกชัยภูมิ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และ ศ.ดร.จักรพงษ์ แก้วขาว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา พร้อมด้วยคณะอาจารย์ ให้การต้อนรับ และนำเสนอผลงานวิจัยที่มีความโดดเด่น การตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติคุณภาพสูง และนวัตกรรมนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของศูนย์วิจัยฯ ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวัสดุศาสตร์และเทคโนโลยีแก้วที่ได้ทั้งองค์ความรู้และสามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ ได้หารืองานวิจัยร่วมกันในหัวข้อ การพัฒนาวัสดุกำบังรังสี และการพัฒนาวัสดุอ้างอิงสำหรับเครื่อง Spectroscopy หากการพัฒนาสำเร็จก่อให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม โดยวัสดุที่พัฒนาขึ้นจะสามารถใช้ทดแทนวัสดุกำบังรังสีที่มีส่วนประกอบของสารตะกั่ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้ใช้งาน ช่วยยกระดับความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และนักวิจัยในห้องปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     การหารือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการอย่างเป็นรูปธรรม ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และ ศูนย์วิจัยแห่งความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีแก้วและวัสดุศาสตร์ เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การวิเคราะห์ และการทดสอบวัสดุแก้วทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและเชิงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแก้วของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล เสริมศักยภาพบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ และสร้างระบบนิเวศการวิจัยที่เชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน