(ข่าวที่ 56/2567) วศ.อว. แนะวิธีการเลือกซื้อพาวเวอร์แบงค์ และการเก็บรักษา หลังพบระเบิดบนเครื่องบิน และส่งทีมร่วมสอบสวน

F340 2 F340 1

 

           นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ช่อง 3 รายงานว่า เกิดเหตุพาวเวอร์แบงก์ ของผู้โดยสารระเบิดบนเครื่องบินโดยสาร ขณะที่กำลังบินจากสนามบินดอนเมืองมุ่งหน้านครศรีธรรมราช ของสายการบินไทยเเอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3188 ออกเดินทางจากดอนเมือง เวลา 07.20 น. โดยมีผู้โดยสารเต็มลำ 186 ชีวิต เมื่อเครื่องบินบินออกมาได้ประมาณ 30 นาที มีเหตุไฟลุกโชน ควันโขมง ขึ้นกลางลำแถวนั่งที่ 15 ซึ่งอยู่ด้านหน้าของผู้สื่อข่าวพอดี มองเห็นอย่างชัดเจน ผู้โดยสารตกใจอย่างมาก ลูกเรือบนเครื่องบินสามารถดับไฟได้สำเร็จอย่างชุลมุน ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้โดยสาร ไม่ส่งผลกระทบต่อการบิน บินลงสนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช ได้ตามปกติอย่างปลอดภัย หลังเกิดเหตุตรวจสอบ พบร่องรอยไฟไหม้สีดำเล็กน้อยตรงบริเวณเบาะที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุผู้โดยสารได้ขึ้นนั่งบนเครื่องตามปกติ แล้วเอาพาวเวอร์แบงก์วางไว้ด้านหน้าตรงที่เก็บสัมภาระ ซึ่งอยู่เบาะด้านหลังของคนที่นั่งด้านหน้า จู่ๆก็เกิดลุกขึ้นมาตนเองตกใจมาก โชคดีไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด
          นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้ประสานการเข้าร่วมสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว และศูนย์ข้อมูลวิทยาศาสตร์ วศ. ขอให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ประชาชนว่า พาวเวอร์แบงค์ส่วนใหญ่สร้างด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เช่นเดียวกับถังน้ำมันเบนซินหรือกระสุนในปืน แบตเตอรี่มีพลังงานอยู่ในนั้นมาก หากพลังงานนั้นปล่อยออกมาในลักษณะที่เราไม่ต้องการให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดได้นี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำความเข้าใจว่าทำไมพาวเวอร์แบงค์ถึงลุกไหม้และระเบิดมีชิ้นส่วนและกระบวนการมากมายที่ทำให้พาวเวอร์แบงค์ทำงานได้ หากกระบวนการใดผิดพลาด ก็มีโอกาสที่พลังงานจะถูกปล่อยออกมา ตัวทำละลายอิเล็กโทรไลต์ภายในแบตเตอรี่ติดไฟได้ ดังนั้นเมื่อแบตเตอรี่ไม่สามารถระบายและสร้างแรงกดดันในขณะที่อิเล็กโทรไลต์ไหม้ แบตเตอรี่ก็จะระเบิด
          จากข้อมูลการวิจัยพบว่า สาเหตุหลักที่ทำให้พาวเวอร์แบงค์ระเบิดคือวงจรที่ไม่สมบูรณ์ อยู่ในการเชื่อมที่มีสารปนเปื้อน หรือไม่มีฉนวนวงจรที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการลัดวงจร มันทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป จากนั้นจึงเกิดไฟไหม้และระเบิด ซึ่งพบว่ามีโรงงานขนาดเล็กบางแห่งยอมสละคุณภาพแบตเตอรี่เพื่อให้ได้ราคาที่ต่ำ มันก็มีอันตรายเช่นกัน และในฐานะผู้ใช้จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้หากวางพาวเวอร์แบงค์ไว้ในสภาวะที่มีความเสี่ยง เช่น ทิ้งไว้ในอุณหภูมิหรือความชื้นสูง
          โอกาสเกิดการระเบิด ถ้าเป็น พาวเวอร์แบงค์ที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน หรือเสื่อมสภาพ โดยเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดการระเบิด หรือเกิดการติดไฟลุกไหม้ได้ ปกติ พาวเวอร์แบงค์ จะมีระบบการตัดวงจรควบคุมไฟฟ้า แต่หากระบบนี้เกิดการชำรุด หรือเสื่อมสภาพ ก็จะไม่ทำงานและเกิดการลัดวงจรขึ้นได้ เช่น โดนน้ำ หรือได้รับความร้อนที่สูงเกินไป เนื่องจากลิเธียมเป็นโลหะไวไฟต่อปฏิกิริยาเคมีเป็นอย่างมาก
          ดังนั้นกรมวิทยาศาสตร์บริการ วศ. กระทรวง อว. ให้ข้อแนะนำประชาชน
1. ควรเลือกใช้ พาวเวอร์แบงค์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบความปลอดภัย หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีราคาถูกแต่มีความจุที่สูง ซึ่งมันมีโอกาสที่จะเกิดการระเบิดได้
2. เมื่อเสียบชาร์จไฟควรจะถอดสายออกทันที เมื่อชาร์จจนเต็มไม่ควรที่จะเสียบชาร์จทิ้งไว้
3. ห้ามเก็บหรือวางไว้ในที่มีอุณหภูมิสูงหรือความชื้นสูง
4. พาวเวอร์แบงค์ทุกชิ้นต้องผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย “มอก.” ซึ่งพาวเวอร์แบงค์ทุกยี่ห้อ หากจะวางจำหน่ายในประเทศไทยต้องมีเครื่องหมาย มอก.รับรอง และต้องขออนุญาตจาก สำนักมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.)ในการผลิตหรือนำเข้าด้วย
          สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) จะประสานการเก็บตัวอย่างเพื่อมาตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติเพื่อหาสาเหตุและเสนอแนวทางการป้องกันต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor