📰 สอช. วศ. จับมือ GlassTrend จัดสัมมนาออนไลน์ ผลักดันเทคโนโลยีการผลิตแก้วไทย สู่ความยั่งยืนระดับสากล

🕘 วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
📍 ณ ห้องประชุม คอ. ชั้น 4 อาคาร ดร.ตั้ว ลพานุกรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ

สถาบันห้องปฏิบัติการอ้างอิงแห่งชาติ (สอช.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพร่วมกับ GlassTrend องค์กรความร่วมมือด้านเทคโนโลยีแก้วระดับโลก จัดสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “Connecting Glass Communities: GlassTrend Online Seminar with the Thai Glass Industry” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูง มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมแก้วและกระจกของไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในเวทีโลก การสัมมนาจัดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผู้ประกอบการ ภาครัฐ และนักวิชาการจากทั่วโลกเข้าร่วมถึง 87 ราย แสดงให้เห็นถึงความสนใจในแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมแก้วของภูมิภาค

GlassTrend ซึ่งเป็นสมาคมความร่วมมือที่มีสมาชิกมากกว่า 67 หน่วยงานจากภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัยทั่วโลก ได้ผนึกกำลังกับ วศ. ในการสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคนิคครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายหลักในการกำหนดทิศทางการยกระดับอุตสาหกรรมแก้วไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลก ทั้งด้านประสิทธิภาพพลังงาน คุณภาพผลิตภัณฑ์ และความยั่งยืน

Dr. Oscar Verheijen ประธานคณะกรรมการ GlassTrend และ ดร. เอกรัฐ มีชูวาศ ผู้อำนวยการศูนย์ห้องปฏิบัติการอ้างอิงฟิสิกส์ (ศอฟ.) ร่วมกล่าวเปิดงาน โดยย้ำถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการผลักดันการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง และการสร้างความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันของอุตสาหกรรมแก้ว

หัวใจสำคัญของการสัมมนาคือการนำเสนอ 5 หัวข้อบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและแนวโน้มที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโฉมการผลิตแก้ว:

• ZeroCO₂ Manufacturing: การขับเคลื่อนสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ปล่อยคาร์บอน
• Hybrid Furnace Technology: เทคโนโลยีเตาหลอมแบบผสมผสานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• AI และ Simulation: การใช้ปัญญาประดิษฐ์และการจำลองกระบวนการเพื่อยกระดับคุณภาพและลดความแปรปรวนของการผลิต
• ศักยภาพวัตถุดิบในประเทศ: การใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันจากการใช้วัตถุดิบในประเทศ
• Troubleshooting Lessons: บทเรียนจากการแก้ปัญหากระบวนการผลิตในโรงงานแก้วของไทย

สาระสำคัญของการอภิปรายยังเผยให้เห็นว่า แม้ในบางภูมิภาค เช่น ยุโรป และบางประเทศในเอเชีย จะมีแนวโน้มการผลิตแก้วลดลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่อุตสาหกรรมแก้วและกระจกของไทยยังมีทิศทางการเติบโต และสามารถเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้ หากมีการยกระดับเทคโนโลยี

กรมวิทยาศาสตร์บริการ ในฐานะหน่วยงานกลางทางวิทยาศาสตร์ของรัฐ จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมแก้วไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านบริการวิทยาศาสตร์และมาตรฐานครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์ทดสอบ การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค และการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลดความสูญเสีย เพิ่มความสม่ำเสมอของคุณภาพ และพร้อมแข่งขันภายใต้ข้อกำหนดสากล

ผลลัพธ์จากการสัมมนาในครั้งนี้ จึงเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างแนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของเตาหลอม การควบคุมคุณภาพด้วย AI และการจัดการวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแก้วและกระจกไทยในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา : facebook กรมวิทยาศาสตร์บริการ และเว็ปไซต์ http://www.dss.go.th