ประกาศกรมวิทยาศาสตร์บริการ

เรื่อง ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

สำหรับการบริการสารสนเทศ

---------------------------------

กรมวิทยาศาสตร์บริการ (ซึ่งต่อไปในประกาศฉบับนี้ เรียกว่า “วศ.”) เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้รับบริการสารสนเทศ (ซึ่งต่อไปในประกาศฉบับนี้จะเรียกว่า “ท่าน”) โดย วศ. มีนโยบายและมีความมุ่งมั่นรับผิดชอบในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน อันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย วศ. จึงได้จัดทำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และรักษาข้อมูลส่วนบุคคล (รวมเรียกว่า “การประมวลผล”) รวมถึงระยะเวลาในการจัดเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันหมายความถึงข้อมูลของบุคคลธรรมดาเท่านั้น ไม่รวมถึงนิติบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา แต่ไม่ครอบคลุมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

2. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ วศ. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่ วศ. เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือเก็บรักษา อันได้แก่ ผู้รับบริการสารสนเทศ

3. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

วศ. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานกฎหมาย ดังต่อไปนี้

3.1 ความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอของท่าน เพื่อการให้บริการสารสนเทศ ทั้งนี้ วศ. อาจไม่สามารถพิจารณาคำขอของท่าน หากไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น

3.2 ความจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจสาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐของ วศ. เพื่อการให้บริการสารสนเทศ การติดต่อประสานงานและแจ้งข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้รับบริการ การดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ในความดูแลของ วศ.

3.3 ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ วศ. โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับให้บริการสารสนเทศ

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

วศ. ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

4.1 เพื่อการรับสมัครเข้ารับบริการสารสนเทศตามภารกิจของ วศ.

4.2 เพื่อเก็บข้อมูลและยืนยันตัวตนเมื่อท่านตอบรับการเข้ารับบริการสารสนเทศ
ผ่านแบบฟอร์ม จดหมาย โทรสาร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านระบบออนไลน์

4.3 เพื่อติดต่อประสานงานกับท่านในการให้ข้อมูล ตอบคำถาม และแจ้งให้ทราบถึงข้อมูลสารสนเทศที่มีการปรับปรุง ออกฉบับใหม่ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ในครั้งต่อไป

4.4 เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและการบริการสารสนเทศ การรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะผ่านช่องทางต่าง ๆ

5. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ วศ. เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

6. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

วศ. ไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลศาสนา เชื้อชาติ และหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดโดยเฉพาะ ในกรณีที่ท่านได้มอบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ วศ. ขอให้ท่านปกปิดข้อมูลดังกล่าว หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลข้างต้น ถือว่าท่านอนุญาตให้ วศ. ดำเนินการปกปิดข้อมูลเหล่านั้น และถือว่าเอกสารที่มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าวมีผลสมบูรณ์และบังคับใช้ได้ตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ หาก วศ. ไม่สามารถปกปิดข้อมูลได้เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิคบางประการ วศ. จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

อย่างไรก็ตามในกรณีที่ วศ. จะขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวบางประการเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ฯลฯ เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ วศ. จะได้แจ้งไว้โดยเฉพาะ
ในแบบฟอร์มการแสดงความยินยอม และ วศ. จะดำเนินการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวดังกล่าว

7. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

โดยทั่วไปแล้ว วศ. จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยการขอข้อมูลจากท่านโดยตรง เช่น การให้ท่านกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่ วศ. กำหนด หรือสอบถามจากท่าน หรือขอให้ท่าน

ส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ วศ. แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีบางกรณีที่ วศ. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อ 4 จากเว็บไซต์ เป็นต้น

8. สิทธิตามกฎหมายของท่าน

พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อีกทั้งยังอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตามช่องทางที่ วศ. กำหนด ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

8.1 สิทธิในการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิเข้าถึง และได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ วศ. มีอยู่หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านอาจเห็นว่ามิได้ให้ความยินยอมไว้ เว้นแต่กรณีที่ วศ. มีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

8.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิขอให้ วศ. ทำการแก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้อง
ไม่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์

8.3 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้ วศ. ลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่ วศ. จะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน

8.4 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้ วศ. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่กฎหมายกำหนด เช่น

(1) วศ. อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(2) กรณีที่ท่านขอให้ วศ. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้ วศ. เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(3) กรณีที่ท่านขอให้ วศ. ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้ วศ. เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

(4) วศ. อยู่ระหว่างการพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

8.5 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยหรือเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่ วศ. ดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ

เว้นแต่กรณีที่ วศ. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น วศ. สามารถแสดงให้เห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ

8.6 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ วศ. สามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้ วศ. ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ วศ. ได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่ วศ. ไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือ วศ. มีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย

8.7 สิทธิในการร้องเรียน

ในกรณีที่ท่านพบว่า วศ. มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย โดยท่านสามารถแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้

ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว ขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อมายัง วศ.เพื่อให้ วศ. มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก ผ่านช่องทางการติดต่อสอบถามตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้

9. การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน วศ. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกภายใต้ความยินยอมของท่านเท่านั้น เว้นแต่จะได้กระทำภายในกรอบที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยให้แก่บุคคลภายนอก องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

10. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

ทาง วศ. มีสิทธิในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ วศ. ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม

หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ทาง วศ. เก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ท่านสามารถแจ้งทาง วศ. เพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้ผ่านช่องทางการใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้

11. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

วศ. จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการสารสนเทศไว้ตลอดไป จนกว่าผู้รับบริการจะใช้สิทธิ ของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ตามข้อ 8

12. การรักษาความปลอดภัย

วศ. จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของ วศ.

ในกรณีที่ วศ. ให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแทน วศ. เช่น การวิเคราะห์เชิงสถิติ วศ. จะกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดังกล่าวเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงป้องกันมิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเพื่อการอื่นใดโดยไม่มีอำนาจ หรือโดยขัดต่อกฎหมาย

13. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

วศ. อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับคำร้องขอจากท่าน ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายของท่าน โดยส่งคำร้องขอผ่านช่องทาง เช่น https://www.dss.go.th/pdpa/ หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ info@dss.go.th

ในกรณีที่ท่าน ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย
มีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล วศ. จะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

ทั้งนี้ วศ. อาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้

14. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

วศ. อาจพิจารณาทบทวนและปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://www.dss.go.th/pdpa โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของประกาศฉบับล่าสุดกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี วศ. ขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ วศ.

15. ช่องทางการติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ

ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่

15.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

ชื่อ : กรมวิทยาศาสตร์บริการ

สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400

ช่องทางการติดต่อ : https://www.dss.go.th/pdpa/

info@dss.go.th

โทรศัพท์ : 0 2201 7252, 0 2201 7254 และ 0 2201 7000

15.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี

กรุงเทพฯ 10400

ช่องทางการติดต่อ : DPO@dss.go.th

ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับการบริการสารสนเทศ

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล วศ.